Discover Us In The Media
At GHL, we are committed to simplify and deliver solutions to create a seamless payment experience.
LATEST NEWS & ARTICLES
SHOWING 9 NEWS OUT OF 28
30 Dec 2024
เจอปัญหาลูกค้าส่งสลิปปลอมบ่อย จัดการด้วย QR SoundPay!
เพราะการชำระเงินออนไลน์ได้กลายเป็นช่องทางใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของทุกคน ร้านค้าส่วนใหญ่จึงหันมาปรับเปลี่ยนวิธีการจ่ายเงินไปตามพฤติกรรมของลูกค้า แต่กลับพบปัญหาร้านค้าโดนโกงสลิปปลอมจากกลุ่มมิจฉาชีพ เพื่อให้ร้านค้าหรือธุรกิจของคุณค้าขายได้อย่างราบรื่น หายห่วงเรื่องการทุจริต มาดูวิธีจัดการได้ที่บทความนี้ ยอดขายในร้านปั่นป่วน เพราะปัญหาสลิปปลอมจากลูกค้า ในยุคที่มิจฉาชีพมีกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ซึ่งในส่วนของร้านค้าและธุรกิจเองต่างก็ได้รับผลกระทบ ต้องเจอกับคนโกงที่คอยสร้างสลิปปลอมมาหลอกว่าโอนเงินให้ร้านค้าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมักเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับร้านค้ารายย่อยที่ขาดระบบช่วยจัดการร้านค้า ยกตัวอย่างเช่น · ร้านค้าอาจกำลังยุ่งกับการจัดการออเดอร์ หรือรับลูกค้าท่านอื่นอยู่ ทำให้ไม่สามารถมองหรือตรวจสอบสลิปโอนเงินได้อย่างละเอียด · ให้พนักงานคอยถ่ายสลิปลูกค้าทุกครั้ง ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาตกหล่นทำให้ลืมถ่ายสลิปในบางออเดอร์ได้ เพราะบางช่วงอาจมีลูกค้าเยอะหรือเป็นชั่วโมงเร่งด่วน · ร้านค้าที่มีพนักงานไม่เพียงพอ ทำให้ไม่มีพนักงานคิดเงินประจำจึงอาจเกิดการส่งสลิปปลอม ปัญหาสลิปปลอมเหล่านี้ยังส่งผลต่อการจัดการยอดขายภายในร้านโดยตรง ทำให้ยอดขายไม่ตรงตามจำนวนสินค้าจนเกิดปัญหาขาดทุนตามมาได้ ร้านค้าต้องรู้ทันมิจฉาชีพ วิธีตรวจสอบสลิปโอนเงิน โดยปกติแล้วแอปพลิเคชั่น Moboile Banking ของแต่ละธนาคารจะออกสลิปโอนเงินให้ทุกครั้งหลังทำธุรกรรมสำเร็จ ซึ่งร้านค้าควรรู้วิธีแยกความแตกต่างระหว่างสลิปจริงกับสลิปปลอมให้ออก ตามมาดูวิธีการตรวจสอบสลิปโอนเงินไปพร้อมกัน! · สังเกตดูข้อมูลบนสลิป โดยให้สังเกตจุดต่างๆ ตามแบบฟอร์มที่ธนาคารกำหนดไว้ รวมถึงข้อมูลที่ปรากฏบนสลิปว่ามีครบถ้วนตามจริงหรือไม่ เช่น ชื่อธนาคาร เลขบัญชีผู้โอน-ผู้รับโอน จำนวนเงิน วันที่และเวลาที่โอนเงิน เป็นต้น · รูปแบบการจัดวางตัวอักษรและสีต่างๆ โดยให้สังเกตลักษณะการจัดวางทั้งตัวอักษรและลายน้ำบนสลิปว่าตรงตามที่ธนาคารกำหนด เช่น ความหนาบางของตัวอักษร สีและลายน้ำมีความคมชัด และตำแหน่งของรายละเอียดต่างๆ ถูกต้องตรงตามรูปแบบของธนาคาร · ลองแสกน QR Code บนสลิป หลังลูกค้าโอนเงินสำเร็จเราจะสามารถสแกน QR Code บนสลิปเพื่อตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการโอนเงินครั้งนั้นๆ ได้ โดยจะมีข้อมูลชื่อผู้โอน วันเวลา และจำนวนเงิน ซึ่งหากตรวจสอบสลิปโอนเงินแล้วข้อมูลไม่ตรงกัน อาจตั้งข้อสงสัยได้ว่านี่คือสลิปปลอม โดยเฉพาะในส่วนของร้านค้าออนไลน์ที่ลูกค้ามักส่งรูปถ่ายสลิปให้ทางแชท แนะนำว่าควรรีบตรวจสอบสลิปให้เร็วที่สุด เนื่องจาก QR Code ของบางธนาคารจะกำหนดระยะเวลาไว้ เช่น 7 วัน 60 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร เป็นต้น · ตรวจสอบยอดเงินในบัญชีธนาคารร้านค้า ให้ร้านค้าเข้าไปในแอปพลิเคชั่นธนาคารที่ใช้รับเงินจากลูกค้าแล้วตรวจสอบยอดการโอนเงินที่แจ้งเตือนเข้ามาโดยตรงจากธนาคาร ว่าตรงตามสลิปที่ลูกค้าโชว์หรือไม่ ซึ่งวิธีนี้อาจจะยุ่งยากสำหรับร้านค้าที่มีพนักงานน้อย หรือร้านค้าที่มีหลายสาขา แต่เป็นวิธีการที่สามารถป้องกันมิจฉาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน รับมือลูกค้าจอมป่วนด้วย QR SoundPay แก้ปัญหาทุจริต ป้องกันสลิปปลอม เราอยากช่วยให้การตรวจสอบสลิปปลอมเป็นเรื่องง่าย! โดยเฉพาะในร้านค้ารายย่อยที่มีพนักงานน้อยและต้องรับออเดอร์ครั้งละมากๆ ไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบสลิปเพราะกลัวโดนสลิปปลอมอีกต่อไป จัดการได้ง่ายๆ ด้วยเครื่อง “QR SoundPay” ระบบการชำระเงินแบบใหม่ที่มาพร้อมเสียงแจ้งเตือน (Real-Time Audio) ร้านค้าสามารถตรวจสอบการชำระของลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ ทั้งยังติดตั้งง่าย รองรับทั้งภาษาไทยและอังกฤษ มาพร้อมฟังก์ชันอินเตอร์เฟซที่ใช้เชื่อมต่อและถ่ายโอนข้อมูลจากผู้ใช้งานกับระบบได้ผ่านแป้นตัวเลข สะดวก สบาย ป้องกันการทุจริตส่งสลิปปลอมได้อย่างมั่นใจ QR SoundPay จาก GHL ชำระได้หลายช่องทาง ง่าย สะดวก ตอบโจทย์ o QR PromptPay o TrueMoney Wallet o Alipay และ Alipay+ หากร้านค้าของคุณกำลังเจอปัญหาลูกค้าส่งสลิปปลอมบ่อย นอกจากจะไม่ได้เงินคืนทุนแล้วยังทำให้ขาดทุนอีกด้วย อย่าปล่อยให้ปัญหานี้ลุกลามจนสร้างความเสียหายที่ใหญ่ขึ้น เลือกตัวช่วยที่เข้าใจพ่อค้าแม่ค้าอย่าง QR SoundPay กับระบบ Dynamic QR ที่ช่วยลดปัญหาลูกค้าจ่ายเงินร้านค้าซ้ำ เพราะ QR จะถูกสร้างใหม่ทุกครั้งที่มีการจ่ายเงินและมีเสียงแจ้งเตือนทันทีเมื่อมียอดเงินชำระเข้ามา แถมยังสมัครง่าย ไม่ต้องเปิดบัญชีใหม่ เรียกว่าเป็นเทคโนโลยีที่เหนือกว่าทุกฟังก์ชันช่วยให้การค้าขายของคุณคล่องตัวและราบรื่นยิ่งขึ้น! สนใจสมัครใช้บริการ QR SoundPay กับ GHL สามารถพูดคุยกับเราได้แล้ววันนี้ โทร. 0-2440-0111 คลิก https://th.nttdatapay.com/contact
13 Dec 2024
O2O Marketing กลยุทธ์สำคัญต่อยอดร้านค้าเติบโต
เพราะหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจคือการสร้างผลกำไรให้ปังอย่างต่อเนื่อง วันนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักกับกลยุทธ์การตลาดแบบ O2O Marketing หนึ่งในกลยุทธ์ทางการค้าที่จะเข้ามาช่วยยกระดับธุรกิจและสร้างความน่าเชื่อถือต่อแบรนด์ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่กลุ่มธุรกิจแถวหน้าส่วนใหญ่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย O2O Marketing คืออะไร หากเปรียบเทียบการทำการตลาดในปัจจุบันเป็นเฉดสี คงต้องขอเทียบเป็นสีสายรุ้งมากมาย ด้วยเพราะช่องทางการขายหรือโชว์สินค้าทุกวันนี้นั้น มีทั้งช่องทาง Online และ Offline ซึ่งธุรกิจและร้านค้าที่มีสินค้าส่วนใหญ่มักมีช่องทางการขายทั้ง 2 แบบ กลยุทธ์การตลาดแบบ O2O Marketing จึงแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ 1. Offline to Online: การนำเอาบริการ/สินค้าของธุรกิจหรือร้านค้าที่มีหน้าร้านมาพัฒนาและต่อยอดการขายในช่องทางออนไลน์ 2. Online to Offline: การนำเอาจุดแข็งและผลตอบรับจากช่องทางออนไลน์เข้ามาช่วยยกระดับสินค้าและบริการที่หน้าร้าน O2O Marketing ตัวช่วยปั้นจุดแข็งให้ธุรกิจและร้านค้า มาถึงตรงนี้ หลายคนคงเริ่มเห็นภาพการผสมผสานเพื่อส่งเสริมธุรกิจระหว่างกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Offline to Online และ Online to Offline ซึ่งกลยุทธ์การตลาดแบบ O2O Marketing ยังเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการส่งเสริมธุรกิจและร้านค้าได้อีกมากมาย · ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ต่อภาพลักษณ์ต่อแบรนด์และสินค้า ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการและซื้อสินค้าต่างๆ ได้ง่ายขึ้น · ช่วยลดความกังวลของลูกค้า โดยเฉพาะธุรกิจหรือร้านที่ให้บริการและจำหน่ายสินค้า การมีหน้าร้าน (Offline) ยังช่วยเพิ่มความรู้สึกมั่นใจ ลดความรู้สึกกังวลของลูกค้าได้มาก เนื่องจากสามารถเลือกชมสินค้าหรือพูดคุยกับผู้ขายสินค้าหรือให้บริการก่อนตัดสินใจซื้อได้ · ช่วยสร้างฐานลูกค้าที่แข็งแรง หนึ่งในข้อดีของการทำธุรกิจทั้งแบบ Offline และ Online คือสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ยิ่งหากธุรกิจหรือร้านค้านั้นๆ มีแผนการตลาดที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่แท้จริง ยิ่งช่วยสร้างฐานลูกค้าที่มีประสิทธิภาพและแข็งแรงขึ้นได้ · ช่วยเพิ่มยอดขายให้กันและกัน ทั้งช่องทาง Offline และ Online ให้ธุรกิจหรือร้านค้าสามารถรองรับการซื้อขายสินค้าและบริการได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น · ช่วยควบคุมมาตรฐานการให้บริการได้ดี โดยเฉพาะธุรกิจหรือร้านค้าที่มีหลายสาขา หรือเปิดแบบแฟรนไชส์ จะเห็นว่าการทำกลยุทธ์ตลาดแบบ O2O Marketing ค่อนข้างตอบโจทย์ธุรกิจหรือร้านค้าที่มีทั้งหน้าร้าน (Offline) และช่องทางการขายแบบ Online โดยเฉพาะร้านค้าส่วนใหญ่ในปัจจุบันที่ควรมี วิธีการชำระเงิน ที่พร้อมรองรับลูกค้าชาวต่างชาติด้วย ซึ่งเครื่องรูดบัตร EDC ของ GHL คือหนึ่งในอุปกรณ์ที่จะช่วยยกระดับวิธีชำระเงินที่สะดวกสบาย สามารถรับได้ทั้งบัตรเครดิตประเภทต่างๆ, QR Payment และ E-Wallets ทั้งในและต่างประเทศ เช่น Alipay และ Alipay+ เป็นต้น สนใจบริการเครื่องรูดบัตร GHL สามารถพูดคุยกับเราได้แล้ววันนี้ โทร. 0-2440-0111 คลิก https://th.nttdatapay.com/contact
15 Nov 2024
แค่มีระบบผ่อนชำระออนไลน์ ก็มัดใจคว้ายอดขายให้เพิ่มขึ้นได้ง่ายๆ
เมื่อของมันจำเป็นต้องมีจำเป็นต้องใช้ การผ่อนชำระจึงกลายเป็นแรงดึงดูดสำคัญที่ช่วยให้ร้านค้าคว้าโอกาสสร้างยอดขายให้ตัวเองได้มากขึ้น สำหรับร้านค้า ร้านขายของ คลินิกเพื่อสุขภาพ หรือคลินิกความงาม ที่ต้องการต่อยอดการขายด้วยการสร้างแรงจูงใจในการซื้อขายให้ลูกค้าได้ซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ และกระตุ้นการซื้อให้มากขึ้นด้วยบริการผ่อนชำระนั้น ก็สามารถทำได้ไม่ยาก เราจะพามาทำความรู้จักกับช่องทางการผ่อนชำระออนไลน์ว่ามีข้อดีอย่างไร ซื้อของชิ้นใหญ่ผ่อน 0% เจาะพฤติกรรม ‘ของมันต้องมี’ หากพูดถึงการผ่อนสินค้า 0% นับเป็นวิธีทำการตลาดที่น่าสนใจ ทั้งยังช่วยดึงดูดและกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการใช้จ่ายสินค้าชิ้นใหญ่ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะประเภทของกลุ่มลูกค้าที่ · ของมันต้องมี มีไว้ก่อนเพื่อตามกระแสให้ทันเทรนด์ใหม่ๆ · อยากได้วันนี้ แต่ต้องการจ่ายทีหลังผ่อนจ่ายแบบสบายๆ · มีความจำเป็นต้องการใช้สินค้าก่อนเงินเดือนออกและต้องการผ่อนยาวๆ เพราะต้องการเก็บเงินในบัญชีไว้ใช้ยามจำเป็น · คนที่ต้องการสินค้าหรือบริการ และต้องการสร้างเครดิตทางการเงินให้ตัวเอง ทั้งนี้อ้างอิงงานวิจัยจาก MIT ที่ได้เผยแพร่บน Kluwer Academic Publishers ได้สรุปเอาไว้ว่า ‘การจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตนั้นสะดวกกว่า เนื่องจากไม่ต้องพกเงินสดเวลาไปซื้อของ อีกทั้งทำให้รู้สึกเจ็บปวดน้อยกว่าการใช้เงินสด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสินค้านั้นมีโปรโมชันผ่อนชำระได้ และถ้าสามารถผ่อนสินค้า 0% ได้ ยิ่งทำให้ตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม’ เพียงมีระบบผ่อนชำระ ก็ตอบโจทย์คนใช้บัตรเครดิต แถมยังจูงใจให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นได้ไม่ยาก จากข้อมูลงานวิจัยนี้ทำให้เรารู้ได้ว่า ปัจจุบันมีผู้เลือกซื้อสินค้าผ่านการใช้บัตรเครดิตมากกว่าเงินสด รวมถึงพฤติกรรมชอบผ่อนสินค้าที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน ยิ่งหากมีโปรโมชันผ่อน 0% นาน 10 เดือนได้ ก็ยิ่งจูงใจให้ตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายมากขึ้น เพราะทำให้รู้สึกว่าสินค้าและบริการที่ได้รับราคาไม่แพง จับต้องได้ นับเป็นอีกวิธีที่เพิ่มยอดขายให้กับร้านค้า ที่มีบริการรับการผ่อนชำระ โดยเฉพาะระบบการผ่อนชำระออนไลน์ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ระบบผ่อนชำระออนไลน์ กลยุทธ์(ไม่)เก่า มัดใจลูกค้า กระตุ้นยอดขายได้อยู่หมัด การใช้บริการรับชำระที่รองรับระบบการผ่อนชำระ จึงนับเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการเพิ่มความหลากหลายของการรับชำระเงินให้ร้านค้า โดยให้ลูกค้าแบ่งจ่ายสบายๆผ่านบัตรเครดิตของธนาคารชั้นนำต่างๆ ในขณะที่ร้านค้าก็จะได้รับเงินค่าสินค้าหรือบริการเต็มจำนวนทันทีจากผู้ให้บริการระบบรับชำระเงิน ช่วยให้ลูกค้าและร้านค้าซื้อง่ายขายคล่อง และร้านค้ายังได้อะไรที่มากกว่า… · ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ไม่เพียงร้านค้าได้ยอดขายเพิ่มขึ้น ลูกค้าเองก็ยังได้แบ่งเบาค่าใช้จ่ายรายเดือนได้อีกด้วย · ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เพราะสามารถแบ่งจ่ายเป็นงวดๆ ได้ แต่สามารถรับสินค้าหรือบริการได้ทันที ซึ่งจะกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น · เพิ่มยอดขายได้ไม่ยาก เมื่อสามารถดึงดูดความสนใจในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้แล้ว แน่นอนว่าร้านค้าก็ได้รับยอดขายเพิ่มขึ้นได้ไม่ยากเช่นกัน · มีข้อมูลทำโปรโมชันต่อได้ ไม่เพียงแค่ความสะดวกสบายในการชำระเงิน แต่ทุกการใช้จ่ายของลูกค้านั้น เรายังสามารถนำข้อมูลการซื้อขายมาต่อยอดจัดทำโปรโมชันพิเศษ เพื่อช่วยดึงดูดการซื้อสินค้าและบริการได้มากขึ้นอีกด้วย ระบบการชำระเงินออนไลน์จาก GHL ตัวช่วยในการรับชำระเงิน ให้ร้านค้าและธุรกิจของคุณได้สัมผัสประสบการณ์การชำระเงินที่หลากหลาย รองรับทุกความต้องการ เพื่อสร้างแรงกระตุ้นในการซื้อขาย เพิ่มยอดกำไรได้ง่ายๆ · เชื่อมต่อกับทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ดังได้ง่าย ไม่ซับซ้อน · รองรับช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย เช่น บัตรเครดิต, ธนาคารออนไลน์, e-Wallet เป็นต้น · ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกได้แบบ Real Time · ค่าธรรมเนียมพิเศษ · มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอดเวลา หากมีข้อสงสัยหรือพบปัญหา · รองรับมาตรฐานความปลอดภัย PCI DSS Level 1 ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยของระบบชำระเงินขั้นสูงสุด สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมระบบชำระเงินออนไลน์กับ GHL คลิกที่นี่
21 Oct 2024
JCB AND GHL EXPAND PAYMENT OPTIONS ACROSS MALAYSIA, THAILAND AND THE PHILIPPINES
Key Highlights: GHL and JCB announce its strategic partnership, enabling the acceptance of JCB Cards on GHL’s merchant terminals in Malaysia, Thailand and the Philippines. This partnership ensures that GHL will continue to remain an omni-channel provider of payment acceptance services across its footprint, enabling its merchants to accept all payment types including JCB cards, bolstering the accessibility and flexibility. The rollout is set to begin in Malaysia in the third quarter of 2024, followed by Thailand and the Philippines. TOKYO & KUALA LUMPUR, 21 October 2024 : GHL Systems Berhad (GHL) and JCB International Co., Ltd., the international operations subsidiary of JCB Co., Ltd., Japan’s leading international payment brand (JCB) have officially announced its strategic partnership, enabling the acceptance of JCB Cards for GHL’s merchant terminals in Malaysia, Thailand and the Philippines. This regional collaboration represents a significant step forward for both companies, aiming to empower merchants and shoppers across these regions with enhanced payment convenience. With JCB's extensive global presence and card network, this partnership adds another dimension to GHL's payment solutions. GHL merchants will seamlessly accept JCB Cards, offering a smooth payment experience for JCB cardmembers. With GHL's merchant network stretching over a vast footprint of over 480,000 payment touchpoints, spanning various sectors across Malaysia, Thailand, and the Philippines, this partnership holds the potential to significantly increase JCB Card usage and accessibility. Through this partnership, the entire region can benefit from greater flexibility and the fostering of stronger business relationships between merchants and customers alike. The tourism industry is projected to return to pre-pandemic levels by the end of 2024, with international tourism levels expected to surpass pre-pandemic figures. This resurgence is primarily driven by a stronger recovery in Asia, according to a report by the UN World Tourism Organization. Sean Hesh, Executive Director & Group Chief Executive Officer at GHL said, "This partnership not only reinforces our dedication to innovation and delivering seamless payment solutions but also highlights our commitment to simplifying payments regionally. With GHL poised to expand payment options at the merchant’s point of sale, businesses are empowered to better accommodate the anticipated surge in inbound tourist spending in 2024 and beyond." Hiroko Michishita, Managing Director, JCB International Asia Pacific said, “This is a milestone for JCB’s business expansion in the region since GHL has a strong presence as well as ambition to grow further in acquiring business. Leveraging this partnership, we will be able to better serve our cardmembers from across the globe with enhanced card acceptance points. In addition, our confidence in this partnership is strengthened as GHL utilizes the JCB Payment Gateway powered by Soft Space.” The rollout is set to begin in Malaysia in the third quarter of 2024, followed by Thailand and the Philippines.
18 Oct 2024
5 เคล็ดลับจัดโปรโมชันแบบปังๆ ให้ยอดขายพุ่ง!
ทุกวันนี้การซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ของผู้บริโภค มีช้อยส์ให้เลือกหลากหลายมากขึ้น เพราะโปรโมชันต่างๆ ที่ทางแบรนด์หรือร้านค้าต่างๆ จัดขึ้นเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งหากคุณเป็นผู้ประกอบการและอยากจะจัดโปรโมชันเพื่อดึงดูดลูกค้าหรือกระตุ้นยอดขายให้กับธุรกิจของคุณ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหน วันนี้เรามีเคล็ดลับ ดีๆ ในการจัดโปรโมชันแบบปังๆ ให้ยอดขายพุ่ง รวมถึง Marketing Tools ที่จะช่วยให้คุณได้เข้าใจกลุ่มลูกค้าของคุณและสามารถวางแผนการตลาดได้อย่างตรงจุดมาฝาก จะเป็นอย่างไรไปดูกัน 5 เคล็ดลับในการจัดโปรโมชัน เพิ่มกำไรกระตุ้นยอดขาย 1. ตั้งเป้าหมายการทำโปรโมชันในแต่ละครั้ง สเต็ปแรกเราจะต้องรู้ก่อนว่าการจัดโปรโมชันครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่ออะไร เช่น เพื่อส่งเสริมการขายให้กับสินค้าหรือบริการ หรือเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ หรือเป็นการกระตุ้นยอดขาย เป็นต้น เพราะการรู้จุดประสงค์ที่ชัดเจน จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายและออกแบบการจัดทำโปรโมชันได้ตรงกลุ่มและตรงจุดมากขึ้นนั่นเอง 2. กำหนดงบประมาณที่รับไหว สิ่งต่อมาที่คุณจำเป็นต้องรู้และวางแผนให้ดี คือ การกำหนดงบประมาณที่รับไหว เพื่อวางแผนทางการเงินไม่ให้กระทบกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งมีผลต่อสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจ โดยควรคำนึงถึง 3 สิ่งหลักๆ ดังนี้ · ต้นทุนการจัดโปรโมชัน เช่น การจัดโปรโมชันส่งฟรี หรือส่งเสริมการขายด้วยการลดราคาสินค้าลง หรือการเพิ่มของแถมเข้าไปกับสินค้า เป็นต้น · ค่าใช้จ่ายการโปรโมท เพราะการจัดโปรโมชันให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำเป็นต้องใช้การลงโฆษณาตามช่องทางโซเชียลมีเดียที่อาจมีต้นทุนสูง · ผลตอบแทนที่ได้หลังการจัดโปรโมชัน เช่น ยอดขายที่เพิ่มขึ้น ฐานลูกค้าใหม่ หรือลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์มากขึ้น เป็นต้น หากคุณเป็นคนที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจและมีงบประมาณจำกัด การใช้วิธีเพิ่มยอดขายอย่างการมอบของสมนาคุณแถมไปกับสินค้าหรือมอบ Voucher ที่ให้นำมาใช้ภายหลังได้เพื่อตอบแทนลูกค้า ก็จะช่วยให้ลูกค้ารับรู้ถึงโปรโมชันและเป็นการกระตุ้นยอดขายอีกทางหนึ่งด้วย แต่ถ้าคุณมีงบประมาณเยอะ การจัดโปรโมชันอย่างการจัดโปรซื้อ 1 แถม 1 หรือโปรโมทหน้าร้าน ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการจัดโปรโมชันที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เร็วขึ้นเช่นกัน 3. เลือกประเภทโปรโมชันให้ตอบโจทย์ ในปัจจุบันการจัดโปรโมชันมีหลากหลายรูปแบบ หากเป้าหมายและจุดประสงค์การจัดโปรโมชันชัดเจนก็จะช่วยให้เราสามารถวางแผน หรือกำหนดแคมเปญโปรโมชันที่ตอบโจทย์ เช่น · การแจกสินค้าทดลอง: การแจกสินค้าทดลอง หรือให้ทดลองใช้บริการฟรี นับเป็นกลยุทธ์ส่งเสริมการขายที่เหมาะกับธุรกิจเริ่มต้น รวมถึงธุรกิจที่ต้องการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ และต้องการสร้างการรับรู้ในวงกว้างเพราะการจัดโปรโมชันแบบนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าด้วยนั่นเอง · จัดกิจกรรมร่วมสนุก: การจัดโปรโมชันวิธีนี้จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับสินค้าได้มากขึ้น เพราะลูกค้าจะถูกกระตุ้นให้ซื้อสินค้าหรือบริการก่อนเพื่อรับสิทธิ์พิเศษในการร่วมสนุกในกิจกรรมที่ถูกจัดขึ้น หรือลุ้นรางวัลเป็นของตอบแทนซึ่งจะช่วยดึงดูดความต้องการของลูกค้านั่นเอง · ซื้อ 1 แถม 1: เป็นอีกหนึ่งวิธีเพิ่มยอดขายที่หลายแบรนด์นิยมกัน เนื่องจากการจัดของแถมสมนาคุณเมื่อซื้อสินค้าหรือบริการ จะทำให้ลูกค้าเกิดความต้องการมากขึ้นเพราะรู้สึกว่าคุ้มค่า นอกจากนี้ กลยุทธ์การซื้อ 1 แถม 1 ยังเหมาะกับการเคลียร์สต็อกสินค้าอีกด้วย · จับเซ็ตสุดคุ้ม: โดยการนำสินค้าหรือบริการมาจับคู่กัน และตั้งราคาขายในราคาที่คุ้มค่ากว่าปกติ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายให้ธุรกิจได้มากขึ้น · ระบบสมาชิก (Brand Loyalty): ระบบสมาชิกหรือระบบสะสมแต้ม การจัดโปรโมชันแบบนี้จะช่วยทำให้ลูกค้าที่ยังไม่รู้จักแบรนด์หรือสินค้ากลายมาเป็นลูกค้าประจำได้ ทั้งยังสามารถรักษาฐานลูกค้าเก่าได้อีกด้วย แต่ต้องพิจารณาเรื่องของรางวัลที่จะได้รับต้องน่าสนใจและสามารถดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาที่ร้านอีกครั้ง 4. กำหนดเงื่อนไขโปรโมชันให้ชัดเจน อีกหนึ่งข้อสำคัญของการจัดทำโปรโมชัน ก็คือ การกำหนดเงื่อนไขของโปรโมชันให้ชัดเจน และจะต้องไม่เป็นการชวนเชื่อให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งการกำหนดเงื่อนไขของโปรโมชันจำเป็นต้องบอกรายละเอียดที่ชัดเจน โปร่งใสและเป็นไปตามกฎหมายของการโฆษณา ดังนี้ · กำหนดวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของโปรโมชัน · ระบุเงื่อนไขของโปรโมชันที่จัดขึ้น เช่น จำกัดการซื้อสินค้าหรือสินค้ามีจำนวนจำกัด เป็นต้น · ระบุวิธีการมีสิทธิ์เข้าร่วมโปรโมชัน เช่น ต้องกรอกแบบฟอร์มข้อมูล หรือใช้ใบเสร็จรับเงินหลังจากซื้อสินค้าจำนวนเท่าไร เป็นต้น · ระบุเงื่อนไขการเข้าร่วมโปรโมชันให้ชัดเจน เช่น สาขาหรือสินค้าที่เข้าร่วมโปรโมชัน หรือกำหนดช่วงเวลาที่ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ เป็นต้น 5. ติดตามและประเมินผลหลังการจัดโปรโมชัน ติดตามผลและประเมินผลหลังจากที่ทำโปรโมชันไปแล้วว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ โปรโมชันได้รับความสนใจมากน้อยแค่ไหน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดโปรโมชันในรอบถัดไป โดยการวัดผลและประเมินผลดูได้จากปัจจัยเหล่านี้ · ยอดขาย: ยอดขายคือสิ่งที่ดูง่ายที่สุดว่าโปรโมชันที่จัดขึ้นนั้นประสบความสำเร็จหรือได้รับความสนใจมากน้อยแค่ไหน โดยสามารถติดตามยอดขายได้ตลอดระยะเวลาที่ทำโปรโมชัน ไม่จำเป็นต้องรอวัดผลหลังจากจบโปรโมชัน · การมีส่วนร่วมของผู้คนบนโซเชียล: การวัดผลจากการโปรโมท โปรโมชันต่างๆ ที่เราจัดขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ โดยดูจากยอดไลก์ ยอดเข้าชม หรือยอดแชร์ ว่ากระแสตอบรับของโปรโมชันดังกล่าวเป็นไวรัลหรือไม่ · ผลตอบแทนจากการลงทุน: ในส่วนนี้สามารถวัดได้จากต้นทุนที่ลงไป กับยอดขายที่ได้หลังจากจัดโปรโมชันขึ้น ก็จะสามารถรู้ได้แล้วว่า การจัดโปรโมชันรอบนั้นๆ ประสบความสำเร็จหรือไม่ · จำนวนผู้ใช้คูปองหรือโค้ดส่วนลด: หากโปรโมชันที่คิดขึ้น มีตัวเลือกอย่างการใช้โค้ดส่วนลดหรือคูปอง ก็สามารถวัดได้ง่ายๆ จากยอดผู้ใช้โค้ดหรือคูปองในการซื้อสินค้าต่างๆ ว่าโปรโมชันที่ออกมาได้ผลตอบรับจากลูกค้ามากน้อยแค่ไหน ทั้งหมดนี้คือ 5 เคล็ดลับในการจัดโปรโมชัน ที่จะช่วยดึงดูดความสนใจลูกค้าและส่งเสริมการขายให้กับธุรกิจของคุณได้ไม่น้อย สำหรับใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจมือใหม่หรือกำลังมีแพลนจะจัดโปรโมชันอยู่ ลองนำเคล็ดลับไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณดูเพื่อเป็นโอกาสเพิ่มยอดขาย รวมถึงการเลือกใช้ Marketing Tools สามารถรองรับบริการลูกค้าและซัพพอร์ตการวางแผนการตลาดได้เป็นอย่างดีอย่างบริการระบบรับชำระเงิน GHL ที่มีรายงานการทำรายการรับชำระเงินแบบแบ่งแยกเป็นประเภทของการรับชำระ ให้ร้านค้าหรือธุรกิจของคุณสามารถวางแผนกลยุทธ์การส่งเสริมการขาย หรือกระตุ้นยอดขายให้ถูกใจลูกค้าได้ง่ายขึ้นนั่นเอง หากเจ้าของธุรกิจคนไหนสนใจเครื่องมือดีๆ ที่ช่วยทำการตลาดให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างระบบรับชำระเงินของ GHL สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ In Store | GHL Thailand
27 Sep 2024
Online Payment การรับชำระเงินออนไลน์ที่คนทำธุรกิจต้องรู้!
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าธุรกิจออนไลน์ในปัจจุบันเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก จากข้อมูลสถิติในปี 2023 ของตลาดหลักทรัพย์ และ Statista บริษัทข้อมูลการตลาดและผู้บริโภคพบว่า คนไทยมีการซื้อของออนไลน์สูงมากขึ้นเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ ด้วยมูลค่ามากถึง 700,000 ล้านบาท ทำให้การชำระเงินแบบ Online Payment เข้ามามีบทบาททั้งต่อภาคธุรกิจและบริการ ที่จะต้องปรับตัวตามพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้า เพื่อสร้างโอกาสในการทำกำไรและพัฒนาต่อยอดธุรกิจในอนาคต การชำระเงินแบบ Online Payment คืออะไร ? คือ ระบบการทำธุรกรรมที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความสะดวกสบายในการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการ โดยเป็นการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอินเทอร์เน็ต สามารถทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลาได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องใช้เงินสด ไม่ต้องรอคิว อีกทั้งยังมีหลักฐานให้ตรวจสอบธุรกรรมได้อีกด้วย ระบบ Online Payment รับชำระเงินผ่านช่องทางไหนได้บ้าง ? การจ่ายเงินออนไลน์ในปัจจุบันสามารถทำได้หลายช่องทาง ทั้งการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร, การตัดเงินผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต, การตัดเงินจากบัญชีธนาคาร, การสแกน QR PromptPay หรือ E-Wallet ต่างๆ ซึ่งระบบรับชำระเงินแบบออนไลน์ของ GHL ครอบคลุมช่องทางการชำระเงินที่ลูกค้านิยมใช้จ่ายในปัจจุบันได้หลากหลาย ดังนี้ กลุ่มธุรกิจใดเหมาะกับการใช้บริการรับชำระเงินแบบ Online Payment ในกลุ่มคนทำธุรกิจมองว่าการเลือกใช้ช่องทางการชำระเงินในรูปแบบต่างๆ จะต้องเลือกตามความเหมาะสมของลักษณะธุรกิจของตัวเองเป็นหลัก เรามีตัวอย่างกลุ่มธุรกิจและบริการที่นำการชำระเงินแบบออนไลน์มาช่วยให้การจ่ายเงินของลูกค้าง่ายขึ้น o ร้านค้าออนไลน์: กลุ่มร้านค้าที่มีการขายสินค้าผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น ร้านเสื้อผ้าออนไลน์, ร้านขายกระเป๋ารองเท้าออนไลน์, ร้านขายอาหารออนไลน์ หรือร้านขายสินค้าออนไลน์ในกลุ่มสินค้าอื่นๆ o บริการออนไลน์: ธุรกิจที่ให้บริการปล่อยเช่าหรือบริการอื่นๆ ที่มีการเก็บเงินค่าบริการแบบออนไลน์ เช่น บริการสตรีมมิ่งวิดีโอ, บริการพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์, หรือบริการเกี่ยวกับการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ เป็นต้น o ธุรกิจเกี่ยวกับการจองและการจัดการ: ธุรกิจที่มีการให้บริการการจองหรือการจัดการต่างๆ แบบออนไลน์ เช่น บริการจองโรงแรม หรือบริการจองตั๋วเครื่องบิน เป็นต้น o ธุรกิจการท่องเที่ยว: บริการการท่องเที่ยวที่ต้องการให้ลูกค้าชำระเงินออนไลน์ เช่น โรงแรมหรือที่พัก รถเช่าเป็นต้น จากข้อมูลสถิติที่กล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่า พฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในอนาคตไทยมีแนวโน้มขยับเข้าใกล้สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ หลายธุรกิจจึงต้องปรับตัวให้ทันเพื่อรับมือกับเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนไปแบบก้าวกระโดด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการให้ความสำคัญกับระบบการรับชำระเงินออนไลน์เพื่อเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้ามากขึ้น ติดปีกให้ธุรกิจของคุณด้วยการเลือกบริการรับชำระเงินออนไลน์ของ GHL เราพร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่กับบริการที่หลากหลายให้แก่ธุรกิจของคุณ รับชำระเงินออนไลน์ด้วย GHL Payment Gateway การชำระเงินที่ สะดวกและปลอดภัยบนแพลตฟอร์มเดียว เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น สนใจบริการจาก GHL สามารถพูดคุยกับเราได้แล้ววันนี้ โทร. 0-2440-0111คลิก https://th.nttdatapay.com/contact
10 Sep 2024
PointX” จับมือ “GHL” จัดแคมเปญ “คุ้มเกินเบอร์ รับพอยท์คืน 50%” จ่ายง่ายได้พอยท์คืน เพียงสแกนจ่ายด้วย PointX กับร้านค้าที่มีเครื่องรับชำระสัญลักษณ์ GHL
“PointX” (พอยท์เอกซ์) แอปพลิเคชันจัดการคะแนนสะสมที่จะสร้าง “อิสระแห่งการใช้พอยท์ไร้ขีดจำกัด” ให้กับผู้ใช้งาน เดินหน้าขยายสิทธิประโยชน์เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคใหม่ ให้สามารถสะสมและใช้พอยท์ได้มากกว่าที่เคยมีมา ล่าสุด จับมือ พันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท จีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด (GHL) ผู้นำด้านบริการรับชำระเงินในภูมิภาคอาเซียน และผู้ให้บริการและพัฒนาระบบการชำระเงินระดับโลก จัดแคมเปญ “คุ้มเกินเบอร์ รับพอยท์คืน 50%” สำหรับลูกค้าที่ชำระค่าสินค้าหรือบริการด้วย PointX กับร้านค้าที่รับชำระเงินด้วยเครื่อง GHL ผ่านช่องทางการชำระเงินแบบ QR พร้อมเพย์ จะได้รับพอยท์คืน 50% โดยไม่มีกำหนดยอดใช้จ่ายด้วยพอยท์ขั้นต่ำ และลูกค้าสามารถจ่ายด้วยพอยท์ทั้งหมด หรือใช้พอยท์บางส่วนบวกกับเงินในบัญชี (จำกัดพอยท์คืนสูงสุด 3,000 PointX /ท่าน /สัปดาห์) ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2567 – 31 ธันวาคม 2567 เพียงมองหาเครื่องรับชำระที่มีสัญลักษณ์ GHL ที่ร้านชั้นนำกว่า xx ร้านค้า ทั่วประเทศ อาทิ Mil Toast House, Dalmatian, KARMAKAMET รวมถึงร้านค้าในเครือ ICARE / Pharmax / Vitamin Club /Super Drug และอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับพอยท์พิเศษที่ได้รับจะคืนเข้าบัญชี PointX ทุกวันศุกร์ โดยจะมีอายุการใช้งาน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับ PointX หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ลูกค้า PointX ได้รับสิทธิประโยชน์จากการสแกนจ่ายด้วย PointX ได้อย่างหลากหลายและง่ายดายมากยิ่งขึ้น ถือเป็นการมอบประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบายและครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน โดยได้รับเกียรติจาก นายเกียรติศักดิ์ วิศิษฏ์บัณฑิตกุล ผู้บริหารแอปพลิเคชัน PointX พร้อมด้วย มร. ฌอน เอส เฮช (Mr. Sean S. Hesh) Group Chief Executive Officer บริษัท จีเอชแอล ซิสเต็ม เบอร์ฮาด และ นายปริญญา จินันทุยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมทีมผู้บริหารจากบริษัทพาร์ทเนอร์ชั้นนำ ประกอบด้วยบริษัท ไอแคร์ เฮลท์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจร้านขายยา 4 แบรนด์ ได้แก่ “iCare” “Pharmax” “vitaminclub” และ “Super Drug”, ร้านเครื่องหอม Karmakamet, และร้านอาหารในเครือบริษัทรวยไม่หยุดจำกัด ที่ร่วมกันเปิดแคมเปญ เมื่อเร็วๆ นี้ ติดตามสิทธิพิเศษต่างๆ อีกมากมายกับหลากหลายพาร์ทเนอร์ตลอดทั้งปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCB Call Center 02-777-7777 หรือ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.pointx.scb/ghl-sep24-dec24/ และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน PointX ฟรี ได้ที่ https://onelink.to/gqb7xm. #PointX #อิสระแห่งการใช้พอยท์ไร้ขีดจำกัด #คุ้มเกินเบอร์รับพอยท์คืน50%
6 Sep 2024
Offline Payment คืออะไร เพิ่มความสะดวกให้ร้านค้าหรือธุรกิจของคุณยังไง
ในยุคสังคมไร้เงินสดอย่างปัจจุบันนี้ การชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆที่ผู้บริโภคนิยมใช้ในการชำระเงินก็จะเป็นการสแกน QR Code หรือใช้บัตรเครดิต ซึ่งเป็นการจ่ายที่สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย GHL ซึ่งเป็นผู้นำด้านระบบรับชำระเงินในภูมิภาคอาเซียนก็มีความพร้อมให้บริการแก่ร้านค้าเพื่อรองรับการชำระเงินแบบดิจิทัลนี้ ที่โดยทั่วไปเรียกว่า Offline Payment ซึ่งจะเน้นในเรื่องของความหลายหลายและปลอดภัย จึงเป็นหนึ่งในวิธีการชำระเงินที่คนทำธุรกิจจำเป็นต้องรู้จัก เพื่อจะได้นำไปพัฒนาบริการรับชำระเงินให้เหมาะสมและทันยุคทันสมัยยิ่งขึ้น เรามาทำความรู้จักบริการรับชำระเงินแบบออฟไลน์จาก GHL ไปพร้อมกันได้ในบทความนี้ ระบบ Offline Payment ของ GHL มีแบบใดบ้าง ? o เครื่องรูดบัตร EDC All In One เป็นเครื่องรับชำระเงินที่มีจุดเด่นตรงสามารถรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้ ไม่ว่าจะเป็นการเสียบบัตรหรือแตะบัตรแบบ contactless o การเชื่อมต่อระบบ Smart API เป็นการเชื่อมต่อระบบรับชำระเงินโดยตรงกับตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine), Parking, Self-Service Kiosk Machine, หรือเครื่องคิดเงิน POS เป็นต้น o QR Payment on Line Official Account เป็นระบบรับชำระเงินโดยใช้แอปพลิเคชั่น Line บนโทรศัพท์มือถือ เครื่องรูดบัตรของ GHL ชำระเงินได้ครอบคลุม รองรับการใช้จ่ายของลูกค้า GHL ยกระดับการบริการรับชำระเงินแบบออฟไลน์ (Offline Payment) ให้เป็นมาตรฐานชั้นนำระดับภูมิภาคอาเซียน โดยให้บริการครอบคลุมทุกการชำระเงินของลูกค้าที่มีหลากหลายช่องทาง ดังนี้ 1. Smart EDC All-in-One Solutionเครื่องรูดบัตร EDC ที่สามารถรองรับวิธีชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง ทำรายการโดยการรูดบัตร เสียบบัตรและแตะบัตร มีหน้าจอใหญ่สำหรับแสดง QR Code และมีกล้องสำหรับสแกน QR Code ใช้งานง่าย สะดวกและปลอดภัย สามารถรับชำระได้หลายช่องทาง ได้แก่ o บัตร Credit และบัตร Debit o Thai QR (พร้อมเพย์) o E-Wallet ต่างๆ เช่น Alipay, Alipay+, True Money, Line Pay, ShopeePay o แบ่งชำระได้ด้วยบัตรเครดิตธนาคารต่างๆ เช่น กสิกร, กรุงเทพ, ไทยพาณิชย์, กรุงศรีอยุธยา, กรุงไทย, ทหารไทยธนชาต เป็นต้น 2. Smart API Integration Solutions การเชื่อมต่อระบบแบบ API เป็นการเชื่อมต่อระบบรับชำระเงินของ GHL โดยตรงกับอุปกรณ์ของร้านค้า เช่น เชื่อมต่อกับเครื่องบันทึกการขาย (POS), ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine), จุดจอดรถ (Parking Machine), เครื่องสั่งสินค้าอัตโนมัติ (Self-Service Kiosk) เป็นต้น ซึ่งสามารถเชื่อมต่อระบบเพื่อรับชำระเงินแบบสแกน QR ได้หลายช่องทาง ได้แก่ o บัตรเครดิตแบบ QR o Thai QR (พร้อมเพย์) o E-Wallet เช่น Alipay, Alipay+, True Money, Line Pay, ShopeePay 3. QR Payment on Line Official Account เป็นระบบรับชำระเงินที่ GHL พัฒนาขึ้นโดยใช้แอปพลิเคชั่น Line บนโทรศัพท์มือถือ ในการรับชำระจากลูกค้า สะดวกและเหมาะกับร้านค้าขนาดเล็กที่เน้นการรับชำระแบบสแกน QR โดยร้านค้าสามารถใช้โทรศัพท์มือถือของตัวเองในการลงทะเบียนและใช้ GHL Line Official Account รับชำระเงิน สะดวก ปลอดภัย ตรวจสอบได้ ธุรกิจหรือร้านค้าแบบไหน ที่เหมาะกับการชำระเงินแบบ Offline payment บริการ Offline Payment จาก GHL สามารถรองรับการใช้งานจากหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ร้านค้าสามารถเลือกใช้บริการของ GHL ได้ตรงตามความต้องการ ตามประเภทและขนาดของธุรกิจนั้นๆ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจและร้านค้าที่ให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบการชำระเงิน การเลือกใช้ระบบรับชำระเงินที่ได้มาตรฐานอย่าง GHL จะช่วยสร้างความสะดวกสบาย และปลอดภัยทุกครั้งของการรับชำระเงินหากสนใจบริการของเรา สามารถพูดคุยกับเราได้แล้ววันนี้โทร. 0-2440-0111คลิก https://th.nttdatapay.com/contact
30 Aug 2024
พาส่องข้อดีของเครื่องรูดบัตร GHL ที่พร้อมเพิ่มยอดขายให้ทุกธุรกิจแบบง่ายๆ
หลังผ่านช่วงโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจถดถอยเป็นเวลานาน ผู้ประกอบการหลายรายต่างก็หาวิธีการกระตุ้นยอดขายหรือเพิ่มยอดขายให้กับสินค้าหรือบริการของตนเอง อีกทั้งยังต้องปรับตัวกับยุคสังคมไร้เงินสดที่ผู้บริโภคส่วน ใหญ่เลือกใช้การโอนเงินหรือรูดบัตรเครดิตแทนการจ่ายด้วยเงินสด ซึ่งหนึ่งในตัวช่วยที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสะดวกสบายมากขึ้นในยุคดิจิทัลแบบนี้ ก็คือ เครื่องรูดบัตร EDC หรือเครื่องรับจ่ายเงินครบวงจรที่รองรับทั้งการรูดบัตรเดบิต, บัตรเครดิต และ การสแกนจ่ายด้วย QR Code เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เห็นถึงข้อดีของเครื่องรูดบัตร EDC จาก GHL ที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจของคุณให้เติบโตมากขึ้น เราจึงรวบรวมจุดเด่นต่างๆของเครื่องรูดบัตร EDC จาก GHL มาไว้ให้แล้วในบทความนี้ ความสำคัญของเครื่องรูดบัตร EDC เครื่อง EDC เป็นอุปกรณ์ที่เข้ามามีบทบาทกับร้านค้าและธุรกิจมากขึ้น เพื่อให้ผู้คนสามารถเลือกใช้จ่ายได้ง่ายๆโดยไม่ต้องใช้เงินสด เพราะในปัจจุบันคนส่วนใหญ่พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งของต่างๆ โดยเฉพาะเงินสด จึงทำให้การชำระเงินผ่านเครื่องรูดบัตร EDC ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการและถูกใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับร้านค้าและธุรกิจอีกด้วย ข้อดีของเครื่องรูดบัตร EDC GHL มีอะไรบ้าง นอกจากช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับธุรกิจแล้ว เครื่องรูดบัตร EDC ยังมีจุดเด่นอีกมากมาย ที่จะทำให้ธุรกิจของคุณมีความยืดหยุ่นและตอบโจทย์ผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย 1. สะดวกสบายด้วยบริการที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน เครื่องรูดบัตร EDC จาก GHL สามารถรองรับเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสามารถจัดการกับกระแสเงินสดด้วยระบบการโอนเงินเป็นรายวัน และยังมีอีเมลสรุปรายงานการการขายให้ทุกวัน ทำให้สามารถเห็นข้อมูลยอดขายในแต่ละวันได้ทันที โดยจะถูกสรุปมาในรูปแบบของ File Excel ทำให้สะดวกสบายต่อการสรุปยอดประจำวัน วิเคราะห์ข้อมูลการขาย และคิดค้นโปรโมชันต่างๆ เพื่อต่อยอดกการขายในอนาคตได้ 2. เพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น ข้อดีต่อมาของเครื่องรูดบัตร EDC GHL คือ สามารถรองรับการชำระด้วยบัตรเดบิตและบัตรเครดิตทั้งในและต่างประเทศทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นบัตร Visa, MasterCard, JCB, Union Pay, Amex รวมถึงการชำระด้วยการสแกน QR Code (Thai QR/PromptPay) และ E-Wallets ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น True Money Wallet, Line Pay, Shopee Pay รวมทั้ง Alipay และ Alipay Plus ที่สามารถรองรับการรับชำระเงินจาก E-Wallets ของประเทศต่างๆ เช่น จีน สิงค์โปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยเป็นจำนวนมากเป็นลำดับต้นๆ เพื่อช่วยตอบโจทย์ให้กลุ่มธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวให้สามารถรองรับดิจิทัลเพย์เมนต์ที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ทำให้คุณสามารถกระตุ้นยอดขายได้ดีกว่าเพราะสามารถรองรับการชำระได้ทุกรูปแบบนั่นเอง 3. ปลดล็อกขีดจำกัดในการผ่อนชำระ เครื่องรูดบัตรส่วนใหญ่จะรองรับการผ่อนชำระจากบัตรเครดิตของธนาคาร 1 ธนาคาร ต่อ 1 เครื่องเท่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ธุรกิจต่างๆ จะมีเครื่องรูดบัตรที่สามารถผ่อนชำระได้เกือบครบทุกธนาคารในเครื่องเดียว ซึ่งข้อดีของเครื่องรูดบัตร EDC ของ GHL ก็คือสามารถให้บริการแบบ All-in-One Solutions ที่รองรับการผ่อนชำระจากบัตรเครดิตของธนาคารในประเทศไทยได้ถึง 6 ธนาคารในเครื่องเดียว ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ, กสิกรไทย, ไทยพาณิชย์, กรุงไทย, ทหารไทยธนชาต และกรุงศรีอยุธยา ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการรับเงินได้ง่ายขึ้น ประหยัดเวลาการขอบริการเครื่องรูดบัตรและประหยัดพื้นที่ในการวางเครื่องรูดบัตรอีกด้วย 4. ลดข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในการชำระเงิน เครื่องรูดบัตร EDC จาก GHL จะมีระบบบันทึกข้อมูลอัตโนมัติเมื่อมีการชำระสินค้าหรือบริการ ให้คุณสามารถตรวจสอบรายการได้จากเครื่องรูดบัตร EDC โดยที่ไม่ต้องทำการล็อกอินเพื่อตรวจสอบบนเว็บไซต์ ที่สำคัญยังสามารถตรวจสอบรายการย้อนหลังได้อีกด้วย 5. ตรวจสอบยอดธุรกรรมได้ง่าย อีกหนึ่งจุดเด่นของเครื่องรูดบัตร EDC ของ GHL ก็คือ การรวมเอาระบบการชำระเงินทุกอย่างไว้ในเครื่องเดียว รวมทั้งการผ่อนชำระหลายธนาคาร โดย GHL จะทำรายงานสรุปรายการทุกประเภทอยู่ในไฟล์เดียว ทำให้ร้านค้าไม่ต้องเสียเวลาในการเข้าตรวจสอบรายงานหลายๆที่ ช่วยลดเวลาการทำงานที่ซับซ้อนให้กับลูกค้า ตรวจสอบข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็วกว่า หากมีข้อสงสัยก็สามารถติดต่อฝ่ายบริการร้านค้าของ GHL ซึ่งให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงได้ทันที 6. เครื่องมีความทันสมัย ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย EMV เครื่องรูดบัตร EDC ของ GHL ผ่านการตรวจสอบและได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยที่ผ่านเกณฑ์ EMV Security ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยของสมาร์ทการ์ดระดับโลกอีกด้วย ทั้งหมดนี้คือข้อดีของเครื่องรูดบัตร EDC จาก GHL ที่เรารวบรวมมาฝาก เพื่อให้เจ้าของธุรกิจสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่า เครื่องรูดบัตร EDC นั้นมีความสำคัญต่อธุรกิจของเราอย่างไร และช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจของเราเติบโตขึ้นได้อย่างไร หากเจ้าของธุรกิจท่านใดสนใจเครื่องรูดบัตร EDC จาก GHL และต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อฝ่ายบริการร้านค้าได้ที่ โทร 0-2440-0111 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ghl.com. หรือคลิก https://th.nttdatapay.com/contact และลงทะเบียนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับและให้ข้อมูลพร้อมคำแนะนำที่ตรงกับธุรกิจของคุณ