5 เคล็ดลับจัดโปรโมชันแบบปังๆ ให้ยอดขายพุ่ง!


ทุกวันนี้การซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ของผู้บริโภค มีช้อยส์ให้เลือกหลากหลายมากขึ้น เพราะโปรโมชันต่างๆ ที่ทางแบรนด์หรือร้านค้าต่างๆ จัดขึ้นเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งหากคุณเป็นผู้ประกอบการและอยากจะจัดโปรโมชันเพื่อดึงดูดลูกค้าหรือกระตุ้นยอดขายให้กับธุรกิจของคุณ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหน วันนี้เรามีเคล็ดลับ  

ดีๆ ในการจัดโปรโมชันแบบปังๆ ให้ยอดขายพุ่ง รวมถึง Marketing Tools ที่จะช่วยให้คุณได้เข้าใจกลุ่มลูกค้าของคุณและสามารถวางแผนการตลาดได้อย่างตรงจุดมาฝาก จะเป็นอย่างไรไปดูกัน   

 

5 เคล็ดลับในการจัดโปรโมชัน เพิ่มกำไรกระตุ้นยอดขาย 

 

1.   ตั้งเป้าหมายการทำโปรโมชันในแต่ละครั้ง  

สเต็ปแรกเราจะต้องรู้ก่อนว่าการจัดโปรโมชันครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่ออะไร เช่น เพื่อส่งเสริมการขายให้กับสินค้าหรือบริการ หรือเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ หรือเป็นการกระตุ้นยอดขาย เป็นต้น เพราะการรู้จุดประสงค์ที่ชัดเจน จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายและออกแบบการจัดทำโปรโมชันได้ตรงกลุ่มและตรงจุดมากขึ้นนั่นเอง  


2.   กำหนดงบประมาณที่รับไหว  

สิ่งต่อมาที่คุณจำเป็นต้องรู้และวางแผนให้ดี คือ การกำหนดงบประมาณที่รับไหว เพื่อวางแผนทางการเงินไม่ให้กระทบกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งมีผลต่อสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจ โดยควรคำนึงถึง 3 สิ่งหลักๆ ดังนี้  

 

·    ต้นทุนการจัดโปรโมชัน เช่น การจัดโปรโมชันส่งฟรี หรือส่งเสริมการขายด้วยการลดราคาสินค้าลง หรือการเพิ่มของแถมเข้าไปกับสินค้า เป็นต้น 

·    ค่าใช้จ่ายการโปรโมท เพราะการจัดโปรโมชันให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำเป็นต้องใช้การลงโฆษณาตามช่องทางโซเชียลมีเดียที่อาจมีต้นทุนสูง  

·    ผลตอบแทนที่ได้หลังการจัดโปรโมชัน เช่น ยอดขายที่เพิ่มขึ้น ฐานลูกค้าใหม่ หรือลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์มากขึ้น เป็นต้น   

 

หากคุณเป็นคนที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจและมีงบประมาณจำกัด การใช้วิธีเพิ่มยอดขายอย่างการมอบของสมนาคุณแถมไปกับสินค้าหรือมอบ Voucher ที่ให้นำมาใช้ภายหลังได้เพื่อตอบแทนลูกค้า ก็จะช่วยให้ลูกค้ารับรู้ถึงโปรโมชันและเป็นการกระตุ้นยอดขายอีกทางหนึ่งด้วย แต่ถ้าคุณมีงบประมาณเยอะ การจัดโปรโมชันอย่างการจัดโปรซื้อ 1 แถม 1 หรือโปรโมทหน้าร้าน ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการจัดโปรโมชันที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เร็วขึ้นเช่นกัน 

3.   เลือกประเภทโปรโมชันให้ตอบโจทย์   

ในปัจจุบันการจัดโปรโมชันมีหลากหลายรูปแบบ หากเป้าหมายและจุดประสงค์การจัดโปรโมชันชัดเจนก็จะช่วยให้เราสามารถวางแผน หรือกำหนดแคมเปญโปรโมชันที่ตอบโจทย์ เช่น   

 

·    การแจกสินค้าทดลอง:  การแจกสินค้าทดลอง หรือให้ทดลองใช้บริการฟรี นับเป็นกลยุทธ์ส่งเสริมการขายที่เหมาะกับธุรกิจเริ่มต้น รวมถึงธุรกิจที่ต้องการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ และต้องการสร้างการรับรู้ในวงกว้างเพราะการจัดโปรโมชันแบบนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าด้วยนั่นเอง  

·    จัดกิจกรรมร่วมสนุก: การจัดโปรโมชันวิธีนี้จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับสินค้าได้มากขึ้น เพราะลูกค้าจะถูกกระตุ้นให้ซื้อสินค้าหรือบริการก่อนเพื่อรับสิทธิ์พิเศษในการร่วมสนุกในกิจกรรมที่ถูกจัดขึ้น หรือลุ้นรางวัลเป็นของตอบแทนซึ่งจะช่วยดึงดูดความต้องการของลูกค้านั่นเอง  

·    ซื้อ 1 แถม 1: เป็นอีกหนึ่งวิธีเพิ่มยอดขายที่หลายแบรนด์นิยมกัน เนื่องจากการจัดของแถมสมนาคุณเมื่อซื้อสินค้าหรือบริการ จะทำให้ลูกค้าเกิดความต้องการมากขึ้นเพราะรู้สึกว่าคุ้มค่า นอกจากนี้ กลยุทธ์การซื้อ 1 แถม 1 ยังเหมาะกับการเคลียร์สต็อกสินค้าอีกด้วย  

·    จับเซ็ตสุดคุ้ม: โดยการนำสินค้าหรือบริการมาจับคู่กัน และตั้งราคาขายในราคาที่คุ้มค่ากว่าปกติ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายให้ธุรกิจได้มากขึ้น  

·    ระบบสมาชิก (Brand Loyalty): ระบบสมาชิกหรือระบบสะสมแต้ม การจัดโปรโมชันแบบนี้จะช่วยทำให้ลูกค้าที่ยังไม่รู้จักแบรนด์หรือสินค้ากลายมาเป็นลูกค้าประจำได้ ทั้งยังสามารถรักษาฐานลูกค้าเก่าได้อีกด้วย แต่ต้องพิจารณาเรื่องของรางวัลที่จะได้รับต้องน่าสนใจและสามารถดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาที่ร้านอีกครั้ง 

 

4.   กำหนดเงื่อนไขโปรโมชันให้ชัดเจน    

อีกหนึ่งข้อสำคัญของการจัดทำโปรโมชัน ก็คือ การกำหนดเงื่อนไขของโปรโมชันให้ชัดเจน และจะต้องไม่เป็นการชวนเชื่อให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งการกำหนดเงื่อนไขของโปรโมชันจำเป็นต้องบอกรายละเอียดที่ชัดเจน โปร่งใสและเป็นไปตามกฎหมายของการโฆษณา ดังนี้  
   

·    กำหนดวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของโปรโมชัน   

·    ระบุเงื่อนไขของโปรโมชันที่จัดขึ้น เช่น จำกัดการซื้อสินค้าหรือสินค้ามีจำนวนจำกัด เป็นต้น 

·    ระบุวิธีการมีสิทธิ์เข้าร่วมโปรโมชัน เช่น ต้องกรอกแบบฟอร์มข้อมูล หรือใช้ใบเสร็จรับเงินหลังจากซื้อสินค้าจำนวนเท่าไร เป็นต้น    

·    ระบุเงื่อนไขการเข้าร่วมโปรโมชันให้ชัดเจน เช่น สาขาหรือสินค้าที่เข้าร่วมโปรโมชัน หรือกำหนดช่วงเวลาที่ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ เป็นต้น 

5.   ติดตามและประเมินผลหลังการจัดโปรโมชัน   

ติดตามผลและประเมินผลหลังจากที่ทำโปรโมชันไปแล้วว่าประสบความสำเร็จหรือไม่  โปรโมชันได้รับความสนใจมากน้อยแค่ไหน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดโปรโมชันในรอบถัดไป โดยการวัดผลและประเมินผลดูได้จากปัจจัยเหล่านี้    

 

·    ยอดขาย: ยอดขายคือสิ่งที่ดูง่ายที่สุดว่าโปรโมชันที่จัดขึ้นนั้นประสบความสำเร็จหรือได้รับความสนใจมากน้อยแค่ไหน โดยสามารถติดตามยอดขายได้ตลอดระยะเวลาที่ทำโปรโมชัน ไม่จำเป็นต้องรอวัดผลหลังจากจบโปรโมชัน   

·    การมีส่วนร่วมของผู้คนบนโซเชียล: การวัดผลจากการโปรโมท โปรโมชันต่างๆ ที่เราจัดขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ โดยดูจากยอดไลก์ ยอดเข้าชม หรือยอดแชร์ ว่ากระแสตอบรับของโปรโมชันดังกล่าวเป็นไวรัลหรือไม่ 

·    ผลตอบแทนจากการลงทุน: ในส่วนนี้สามารถวัดได้จากต้นทุนที่ลงไป กับยอดขายที่ได้หลังจากจัดโปรโมชันขึ้น ก็จะสามารถรู้ได้แล้วว่า การจัดโปรโมชันรอบนั้นๆ ประสบความสำเร็จหรือไม่    

·    จำนวนผู้ใช้คูปองหรือโค้ดส่วนลด:  หากโปรโมชันที่คิดขึ้น มีตัวเลือกอย่างการใช้โค้ดส่วนลดหรือคูปอง ก็สามารถวัดได้ง่ายๆ จากยอดผู้ใช้โค้ดหรือคูปองในการซื้อสินค้าต่างๆ ว่าโปรโมชันที่ออกมาได้ผลตอบรับจากลูกค้ามากน้อยแค่ไหน  


ทั้งหมดนี้คือ 5 เคล็ดลับในการจัดโปรโมชัน ที่จะช่วยดึงดูดความสนใจลูกค้าและส่งเสริมการขายให้กับธุรกิจของคุณได้ไม่น้อย สำหรับใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจมือใหม่หรือกำลังมีแพลนจะจัดโปรโมชันอยู่ ลองนำเคล็ดลับไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณดูเพื่อเป็นโอกาสเพิ่มยอดขาย รวมถึงการเลือกใช้ Marketing Tools สามารถรองรับบริการลูกค้าและซัพพอร์ตการวางแผนการตลาดได้เป็นอย่างดีอย่างบริการระบบรับชำระเงิน GHL ที่มีรายงานการทำรายการรับชำระเงินแบบแบ่งแยกเป็นประเภทของการรับชำระ ให้ร้านค้าหรือธุรกิจของคุณสามารถวางแผนกลยุทธ์การส่งเสริมการขาย หรือกระตุ้นยอดขายให้ถูกใจลูกค้าได้ง่ายขึ้นนั่นเอง    


หากเจ้าของธุรกิจคนไหนสนใจเครื่องมือดีๆ ที่ช่วยทำการตลาดให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างระบบรับชำระเงินของ GHL สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ In Store | GHL Thailand