Discover Us In The Media

At GHL, we are committed to simplify and deliver solutions to create a seamless payment experience.

LATEST NEWS & ARTICLES
15 Apr 2025

อยากรู้วิธีขอสินเชื่อให้ผ่านไว ต้องเตรียมตัววางแผนยังไงบ้าง ?

อยากเล่นใหญ่ใจต้องนิ่ง! เชื่อว่าหลายคนที่ก้าวเข้าสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจมาสักระยะหนึ่ง คงเริ่มให้ความสำคัญกับสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถไปต่อ และการมองหาวิธีขอสินเชื่อให้ผ่านคือทางเลือกอันดับแรกๆ เพื่อนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนหรือใช้เป็นเงินทุนในการผลักดันธ...

ข้อมูลเพิ่มเติม
2 Apr 2025

Alipay Plus จ่ายสะดวกรวดเร็ว! คลอบคลุมการชำระเงินข้ามประเทศ

ปัจจุบันช่องทางการชำระค่าบริการและซื้อสินค้าต่างๆ ได้พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างมาก อีกทั้งในหลายๆประเทศรวมถึงในประเทศไทยเราเอง ร้านค้าและผู้ประกอบการต่างก็เริ่มเปิดรับการรับชำระด้วยอาลีเพย์ พลัส ( Alipay Plus) มากขึ้น ทำให้นักเดินทางจากหลากหลายประเทศสามารถชำระเงินได้ง่ายขึ้นด้วยการใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอน...

ข้อมูลเพิ่มเติม
21 Mar 2025

เริ่มต้นดีต้องมีแผน! 7 สิ่งที่ต้องรู้ เตรียมตัวก่อนทำธุรกิจ

เพราะการเริ่มต้นสร้างธุรกิจนับว่าเป็นการเดินทางเข้าสู่เส้นทางการแข่งขันที่สูงมาก การเตรียมตัวก่อนทำธุรกิจเพื่อให้พร้อมก่อนเป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก! เพื่อให้ธุรกิจของคุณมั่นคง พร้อมได้รับผลตอบแทนตามที่คาดการณ์ไว้ เราจึงต้องวางแผนเพื่อเริ่มต้นธุรกิจอย่างรอบคอบและเพิ่มความมั่นใจก่อนล...

ข้อมูลเพิ่มเติม

SHOWING 9 NEWS OUT OF 27
7 Aug 2024

ร้านค้าออนไลน์ต้องรู้! Payment Gateway มีแล้วเพิ่มยอดขายได้ยังไง ?

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยมีประสบการณ์การซื้อของออนไลน์มาแล้วอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าเราจะอยากได้สินค้าประเภทไหนมักจะกดค้นหาในเว็บไซต์ออนไลน์ดูก่อนใช่หรือไม่? เพราะเหตุนี้เองทำให้ Payment Gateway หรือช่องทางการชำระเงินออนไลน์ได้เกิดขึ้นมาและกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ในทุกวันนี้! บทความนี้ชวนคุณมาทำความรู้จักและเข้าใจเรื่องนี้ให้มากขึ้น เพื่อต่อยอดธุรกิจหรือหาแนวทางพัฒนาการปิดการขายให้ได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต!  ระบบ Payment Gateway คืออะไร?  Payment Gateway คือ ระบบที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการชำระเงินแบบออนไลน์ ทำให้สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันโดยเฉพาะธุรกิจสั่งอาหารออนไลน์ เว็บไซต์ซื้อขายสินค้าออนไลน์ เว็บไซต์ E-commerce ที่สามารถชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง ทั้งบัตรเครดิต,บัตรเดบิต, Mobile Banking, QR และตัวเลือกบริการการชำระเงินอื่นๆ  มากกว่านั้นยังช่วยคุณตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน ให้คุณสามารถชำระค่าบริการต่างๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็วและปลอดภัย ลดความเสี่ยงการปฏิเสธการชำระเงินที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย  Payment Gateway มีกี่ประเภท?   ปัจจุบัน Payment Gateway มีอยู่ทั้งหมด 2 ประเภท คือ    1.   Payment Gateway แบบเชื่อมต่อกับธนาคารโดยตรง (Bank)   การชำระเงินในรูปแบบนี้มีความน่าเชื่อถือสูง แต่มีเงื่อนไขในการใช้งานค่อนข้างยุ่งยาก อาจต้องมีบัญชีเงินฝากค้ำประกันที่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร โดยมีตัวอย่างการให้บริการ เช่น Merchant iPay ของธนาคารกรุงเทพ, KTC GATEWAY ของธนาคารกรุงไทย, หรือ K-Payment Gateway ของธนาคารกสิกรไทย   2.   Payment Gateway แบบเชื่อมต่อกับตัวกลางที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank)   ให้บริการโดยบริษัทที่มีระบบ payment gateway ที่ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางรับชำระเงินระหว่างร้านค้าและลูกค้า  มีรูปแบบการชำระเงินที่หลากหลายและมีขั้นตอนการเปิดบัญชีไม่ยุ่งยาก ระบบมีความปลอดภัยและมีเจ้าหน้าที่บริการที่คอยให้ความช่วยเหลือ เช่น PayPal, Paysbuy หรือ GHL เป็นต้น   ข้อดีของการใช้ Payment Gateway ในการทำธุรกิจ     ·    ยกระดับมาตรฐานการชำระเงินของร้านค้าให้มีมาตรฐานและการบริการที่ดีขึ้น   ·    รองรับการชำระเงินที่หลากหลายทั้งบัตรเครดิตและบัตรเดบิต การสแกนจ่ายด้วย QR และ e-Wallet ต่างๆ รวมทั้งการผ่อนชำระ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น  ·    เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และปิดการขายได้มากขึ้น   ·    มีระบบความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานสากล เช่น SSL (Secure Sockets Layer), PCI DSS,  Verified by VISA, หรือ MasterCard SecureCode ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยที่ดีกว่า   ·    ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา ไม่ต้องเดินทางไปธนาคารหรือจุดบริการเพื่อทำธุรกรรมทางการเงิน     เลือกใช้บริการ Payment Gateway เจ้าไหนดี?   ระบบ Payment Gateway ถือเป็นช่องทางการชำระเงินที่ควบคู่มากับธุรกิจออนไลน์ การเลือกระบบรับชำระเงินที่มีความน่าเชื่อถือและได้มาตราฐาน จึงเป็นเรื่องที่เจ้าของธุรกิจออนไลน์ควรให้ความสำคัญอย่างมาก GHL คือตัวแทนผู้ให้บริการด้านการชำระเงินออนไลน์ที่ครอบคลุมและครบวงจร ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยและมีระบบ payment gateway ที่มีระบบความปลอดภัยได้มาตราฐานสากล ให้คุณเพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้วยบริการการรับชำระเงินที่ง่าย สะดวก และปลอดภัยกว่า     ·    เราให้บริการช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย ครอบคลุม ทุกรูปแบบของการชำระเงินและครบวงจรทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์   ·    เราคิดค่าธรรมเนียมพิเศษ หรือฟรีค่าธรรมเนียมการโอนเงิน   ·    เรามีฝ่ายให้คำปรึกษาบริการร้านค้าเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วตลอดการใช้งาน   ·    เราได้รับการรับรองมาตรฐาน PCI DSS Level 1 มาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยของระบบชำระเงินขั้นสูงสุด     ปฏิเสธไม่ได้ว่าระบบการชำระเงินออนไลน์ หรือ Payment Gateway ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมาก หากคุณต้องการก้าวนำคู่แข่ง และสร้างยอดขายที่่น่าพึงพอใจให้แก่ธุรกิจ การปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมการชำระเงินของของผู้บริโภคจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก  เลือก GHL เป็นผู้ให้บริการระบบ Payment Gateway สำหรับร้านของคุณ  เพื่อเปิดประสบการณ์การชำระเงินที่หลากหลายให้ร้านค้าของคุณเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสนใจรับบริการและเริ่มต้นใช้งาน Payment Gateway จาก GHL สามารถพูดคุยกับเราได้แล้ววันนี้  โทร. 0-2440-0111 คลิก https://th.nttdatapay.com/contact  

7 Aug 2024

ร้านค้าออนไลน์ต้องรู้! Payment Gateway มีแล้วเพิ่มยอดขายได้ยังไง ?

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยมีประสบการณ์การซื้อของออนไลน์มาแล้วอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าเราจะอยากได้สินค้าประเภทไหนมักจะกดค้นหาในเว็บไซต์ออนไลน์ดูก่อนใช่หรือไม่? เพราะเหตุนี้เองทำให้ Payment Gateway หรือช่องทางการชำระเงินออนไลน์ได้เกิดขึ้นมาและกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ในทุกวันนี้! บทความนี้ชวนคุณมาทำความรู้จักและเข้าใจเรื่องนี้ให้มากขึ้น เพื่อต่อยอดธุรกิจหรือหาแนวทางพัฒนาการปิดการขายให้ได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต!  ระบบ Payment Gateway คืออะไร?  Payment Gateway คือ ระบบที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการชำระเงินแบบออนไลน์ ทำให้สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันโดยเฉพาะธุรกิจสั่งอาหารออนไลน์ เว็บไซต์ซื้อขายสินค้าออนไลน์ เว็บไซต์ E-commerce ที่สามารถชำระเงินได้หลากหลายช่องทาง ทั้งบัตรเครดิต,บัตรเดบิต, Mobile Banking, QR และตัวเลือกบริการการชำระเงินอื่นๆ  มากกว่านั้นยังช่วยคุณตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน ให้คุณสามารถชำระค่าบริการต่างๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็วและปลอดภัย ลดความเสี่ยงการปฏิเสธการชำระเงินที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย  Payment Gateway มีกี่ประเภท?   ปัจจุบัน Payment Gateway มีอยู่ทั้งหมด 2 ประเภท คือ    1.   Payment Gateway แบบเชื่อมต่อกับธนาคารโดยตรง (Bank)   การชำระเงินในรูปแบบนี้มีความน่าเชื่อถือสูง แต่มีเงื่อนไขในการใช้งานค่อนข้างยุ่งยาก อาจต้องมีบัญชีเงินฝากค้ำประกันที่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร โดยมีตัวอย่างการให้บริการ เช่น Merchant iPay ของธนาคารกรุงเทพ, KTC GATEWAY ของธนาคารกรุงไทย, หรือ K-Payment Gateway ของธนาคารกสิกรไทย   2.   Payment Gateway แบบเชื่อมต่อกับตัวกลางที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank)   ให้บริการโดยบริษัทที่มีระบบ payment gateway ที่ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางรับชำระเงินระหว่างร้านค้าและลูกค้า  มีรูปแบบการชำระเงินที่หลากหลายและมีขั้นตอนการเปิดบัญชีไม่ยุ่งยาก ระบบมีความปลอดภัยและมีเจ้าหน้าที่บริการที่คอยให้ความช่วยเหลือ เช่น PayPal, Paysbuy หรือ GHL เป็นต้น   ข้อดีของการใช้ Payment Gateway ในการทำธุรกิจ     ·    ยกระดับมาตรฐานการชำระเงินของร้านค้าให้มีมาตรฐานและการบริการที่ดีขึ้น   ·    รองรับการชำระเงินที่หลากหลายทั้งบัตรเครดิตและบัตรเดบิต การสแกนจ่ายด้วย QR และ e-Wallet ต่างๆ รวมทั้งการผ่อนชำระ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น  ·    เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และปิดการขายได้มากขึ้น   ·    มีระบบความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานสากล เช่น SSL (Secure Sockets Layer), PCI DSS,  Verified by VISA, หรือ MasterCard SecureCode ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยที่ดีกว่า   ·    ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา ไม่ต้องเดินทางไปธนาคารหรือจุดบริการเพื่อทำธุรกรรมทางการเงิน     เลือกใช้บริการ Payment Gateway เจ้าไหนดี?   ระบบ Payment Gateway ถือเป็นช่องทางการชำระเงินที่ควบคู่มากับธุรกิจออนไลน์ การเลือกระบบรับชำระเงินที่มีความน่าเชื่อถือและได้มาตราฐาน จึงเป็นเรื่องที่เจ้าของธุรกิจออนไลน์ควรให้ความสำคัญอย่างมาก GHL คือตัวแทนผู้ให้บริการด้านการชำระเงินออนไลน์ที่ครอบคลุมและครบวงจร ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยและมีระบบ payment gateway ที่มีระบบความปลอดภัยได้มาตราฐานสากล ให้คุณเพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้วยบริการการรับชำระเงินที่ง่าย สะดวก และปลอดภัยกว่า     ·    เราให้บริการช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย ครอบคลุม ทุกรูปแบบของการชำระเงินและครบวงจรทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์   ·    เราคิดค่าธรรมเนียมพิเศษ หรือฟรีค่าธรรมเนียมการโอนเงิน   ·    เรามีฝ่ายให้คำปรึกษาบริการร้านค้าเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วตลอดการใช้งาน   ·    เราได้รับการรับรองมาตรฐาน PCI DSS Level 1 มาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยของระบบชำระเงินขั้นสูงสุด     ปฏิเสธไม่ได้ว่าระบบการชำระเงินออนไลน์ หรือ Payment Gateway ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมาก หากคุณต้องการก้าวนำคู่แข่ง และสร้างยอดขายที่่น่าพึงพอใจให้แก่ธุรกิจ การปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมการชำระเงินของของผู้บริโภคจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก  เลือก GHL เป็นผู้ให้บริการระบบ Payment Gateway สำหรับร้านของคุณ  เพื่อเปิดประสบการณ์การชำระเงินที่หลากหลายให้ร้านค้าของคุณเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสนใจรับบริการและเริ่มต้นใช้งาน Payment Gateway จาก GHL สามารถพูดคุยกับเราได้แล้ววันนี้  โทร. 0-2440-0111 คลิก https://th.nttdatapay.com/contact  

5 Aug 2024

เข้าสู่สังคมไร้เงินสดต้องรู้! ระบบ e-payment คืออะไร มีกี่แบบ?

ทุกวันนี้ทุกคนคงทราบดีว่าการโอนเงิน ชำระเงิน หรือการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ สามารถทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมาก เพียงแค่คุณมีโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว!  สิ่งเหล่านี้เราเรียกว่าระบบ e-payment (Electronic Payment System) นอกจากเพิ่มความสะดวกในการจับจ่ายซื้อของแล้วยังเข้ามาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของเราเป็นอย่างมากอีกด้วย ซึ่งช่องทางการชำระเงินผ่านระบบ e-payment นี้ก็มีอยู่ด้วยกันหลายประเภท จะมีประเภทไหนบ้าง และเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้งานแบบไหน เราจะมาทำความรู้จักไปพร้อมกัน e-payment คืออะไร?  ระบบ e-payment (Electronic Payment System) คือ ระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้งานแทนการถือเงินสดได้อย่างสะดวก ช่วยให้การชำระเงินหรือโอนเงินระหว่างกันทำได้ง่าย รวดเร็ว โดยสามารถใช้งานระบบ e-payment นี้ได้ผ่านทางสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่มีระบบอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางการเชื่อมต่อ ซึ่งผู้ให้บริการระบบ e-payment นั้นล้วนอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยทั้งหมด ระบบ e-payment มีกี่ประเภท? ในปัจจุบันระบบ e-payment  ตามพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทยถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท ดังนี้   1.   เครื่องรูดบัตร EDC หรือ Electronic Data Capture เป็นเครื่องที่ร้านค้าติดตั้งเพื่อรับชำระค่าสินค้าและบริการ รองรับการชำระเงินหลายรูปแบบตามแต่ผู้ให้บริการแต่ละเจ้าจะเปิดให้บริการ โดยตัวเครื่องรูดบัตรในปัจจุบันสามารถรองรับระบบรับชำระได้ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต สแกนจ่ายด้วย QR Code หรือ E-Wallet ต่างๆ เช่น ThaiQR , Alipay, True Money, Line Pay อีกทั้งยังสามารถใช้รับผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตของธนาคารได้อีกด้วย 2.   การชำระผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Payment) บริการการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้มักจะรวมเข้ากับแอปพลิเคชันของร้านค้า ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อสินค้าในแอปพลิเคชัน และชำระเงินผ่านสมาร์ตโฟนที่มีอินเทอร์เน็ตได้ทันที โดยให้ตัดเงินจากบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต, จ่ายผ่านแอปฯ ธนาคาร (Mobile banking), หรือ จ่ายด้วย Thai QR หรือ ระบบ E-Wallet ต่างๆ  3.   บริการหักบัญชี (Clearing) เป็นบริการรับชำระเงินที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและยืนยันคำสั่งที่จะหักเงินในบัญชีธนาคาร ตามที่ได้มีการผูกบัญชีหรือทำข้อตกลงไว้กับธนาคาร เพื่อให้เกิดความแม่นยำและรวดเร็วในการชำระเงิน 4.   บริการรับชำระเงินแทน บริการที่ให้บุคคลหรือธุรกิจสามารถชำระเงินหรือรับเงินผ่านตัวกลางที่สาม โดยไม่ต้องทำธุรกรรมโดยตรงกับผู้ขายหรือผู้ให้บริการ  5.   บริการสวิตชิ่งในการชำระเงิน (Transaction Switching)  เป็นบริการที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างผู้ให้บริการ e-payment กับผู้รับบริการ e-payment รับส่งข้อมูลรายการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้ให้บริการตามที่ตกลงกัน  6.   ระบบเครือข่ายบัตร (Payment Card Network)  เป็นบริการชำระเงินผ่านบัตร ATM, บัตรเครดิตและบัตรเดบิต โดยใช้วิธีการส่งข้อมูลการเงินของผู้ใช้ไปยังผู้ให้บริการบัตร ซึ่งยอดเงินที่ต้องชำระจะถูกหักจากบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตรทันที ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามฟังก์ชันการใช้งานของแต่ละบัตร เช่น บัตรเครดิตจะถูกเรียกเก็บยอดชำระที่ได้ใช้จ่ายไปตามรอบที่ตกลงกันไว้ หากไม่จ่ายก็ต้องเสียดอกเบี้ยและค่าปรับตามมา  7.   ระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money)  เป็นระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์  โดยผู้ใช้งานสามารถสร้างบัญชี e-Money ขึ้นมาและเติมเงินเข้าไปในบัญชีผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อชำระค่าบริการหรือสินค้า หรือที่เรียกว่า e-Wallet เช่น e-Wallet แอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถืออย่าง True Money, Alipay, เป๋าตัง หรือ Line Pay เป็นต้น  8.   ระบบการชำระดุล (Settlement)  เป็นกระบวนการรับชำระเงินที่สร้างความสะดวกในการโอนเงินหรือทรัพย์สินระหว่างฝ่ายต่างๆ ในรูปแบบการบริการชำระเงินแบบล่วงหน้า โดยจะมีการหักเงินในบัญชีของผู้ใช้เพื่อนำไปชำระแก่เจ้าหนี้แบบอัตโนมัติ เช่น การซื้อขายหลักทรัพย์, การชำระเงิน และธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ  ระบบ e-payment เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้งานประเภทไหนบ้าง?  ระบบ e-payment เป็นการชำระเงินที่มีทั้งความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา และมีระบบต่างๆ ที่สามารถเลือกใช้ได้ตรงตามความต้องการของแต่ละคน จึงเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้งานหลากหลาย ดังนี้    ·    ผู้ที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว:  ระบบ e-payment ช่วยลดเวลาในการทำธุรกรรมการชำระเงิน และสามารถเลือกใช้บริการการเงินตามความต้องการได้อย่างหลากหลาย เช่น ช้อปปิ้งออนไลน์ หรือจ่ายค่าบริการต่างๆผ่านมือถือ  ·    นักธุรกิจและผู้ประกอบการ:  ระบบ e-payment จะช่วยให้นักธุรกิจและผู้ประกอบการทำธุรกรรมการเงินได้หลากหลายช่องทาง สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น    ·    ผู้ที่ต้องการความปลอดภัยสูง:  ระบบ e-payment มีมาตรการความปลอดภัยสูง  จึงช่วยปกป้งข้อมูลทางการเงินของคุณได้เป็นอย่างดี    จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันระบบการชำระเงินหรือการทำธุรกรรมทางการเงินในประเทศไทยมีความสะดวกและคล่องตัวมากขึ้น และในอนาคตระบบ e-payment มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกอย่างแน่นอน โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามพัฒนาการและความต้องการของตลาดในแต่ละช่วง รวมถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ร่วมด้วย สนใจบริการจาก GHL สามารถพูดคุยกับเราได้แล้ววันนี้  โทร. 0-2440-0111 คลิก https://th.nttdatapay.com/contact  

5 Aug 2024

เข้าสู่สังคมไร้เงินสดต้องรู้! ระบบ e-payment คืออะไร มีกี่แบบ?

ทุกวันนี้ทุกคนคงทราบดีว่าการโอนเงิน ชำระเงิน หรือการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ สามารถทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วมาก เพียงแค่คุณมีโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว!  สิ่งเหล่านี้เราเรียกว่าระบบ e-payment (Electronic Payment System) นอกจากเพิ่มความสะดวกในการจับจ่ายซื้อของแล้วยังเข้ามาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของเราเป็นอย่างมากอีกด้วย ซึ่งช่องทางการชำระเงินผ่านระบบ e-payment นี้ก็มีอยู่ด้วยกันหลายประเภท จะมีประเภทไหนบ้าง และเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้งานแบบไหน เราจะมาทำความรู้จักไปพร้อมกัน e-payment คืออะไร?  ระบบ e-payment (Electronic Payment System) คือ ระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้งานแทนการถือเงินสดได้อย่างสะดวก ช่วยให้การชำระเงินหรือโอนเงินระหว่างกันทำได้ง่าย รวดเร็ว โดยสามารถใช้งานระบบ e-payment นี้ได้ผ่านทางสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่มีระบบอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางการเชื่อมต่อ ซึ่งผู้ให้บริการระบบ e-payment นั้นล้วนอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยทั้งหมด ระบบ e-payment มีกี่ประเภท? ในปัจจุบันระบบ e-payment  ตามพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทยถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท ดังนี้   1.   เครื่องรูดบัตร EDC หรือ Electronic Data Capture เป็นเครื่องที่ร้านค้าติดตั้งเพื่อรับชำระค่าสินค้าและบริการ รองรับการชำระเงินหลายรูปแบบตามแต่ผู้ให้บริการแต่ละเจ้าจะเปิดให้บริการ โดยตัวเครื่องรูดบัตรในปัจจุบันสามารถรองรับระบบรับชำระได้ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต สแกนจ่ายด้วย QR Code หรือ E-Wallet ต่างๆ เช่น ThaiQR , Alipay, True Money, Line Pay อีกทั้งยังสามารถใช้รับผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตของธนาคารได้อีกด้วย 2.   การชำระผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile Payment) บริการการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ประเภทนี้มักจะรวมเข้ากับแอปพลิเคชันของร้านค้า ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อสินค้าในแอปพลิเคชัน และชำระเงินผ่านสมาร์ตโฟนที่มีอินเทอร์เน็ตได้ทันที โดยให้ตัดเงินจากบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต, จ่ายผ่านแอปฯ ธนาคาร (Mobile banking), หรือ จ่ายด้วย Thai QR หรือ ระบบ E-Wallet ต่างๆ  3.   บริการหักบัญชี (Clearing) เป็นบริการรับชำระเงินที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและยืนยันคำสั่งที่จะหักเงินในบัญชีธนาคาร ตามที่ได้มีการผูกบัญชีหรือทำข้อตกลงไว้กับธนาคาร เพื่อให้เกิดความแม่นยำและรวดเร็วในการชำระเงิน 4.   บริการรับชำระเงินแทน บริการที่ให้บุคคลหรือธุรกิจสามารถชำระเงินหรือรับเงินผ่านตัวกลางที่สาม โดยไม่ต้องทำธุรกรรมโดยตรงกับผู้ขายหรือผู้ให้บริการ  5.   บริการสวิตชิ่งในการชำระเงิน (Transaction Switching)  เป็นบริการที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างผู้ให้บริการ e-payment กับผู้รับบริการ e-payment รับส่งข้อมูลรายการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ผู้ให้บริการตามที่ตกลงกัน  6.   ระบบเครือข่ายบัตร (Payment Card Network)  เป็นบริการชำระเงินผ่านบัตร ATM, บัตรเครดิตและบัตรเดบิต โดยใช้วิธีการส่งข้อมูลการเงินของผู้ใช้ไปยังผู้ให้บริการบัตร ซึ่งยอดเงินที่ต้องชำระจะถูกหักจากบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตรทันที ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามฟังก์ชันการใช้งานของแต่ละบัตร เช่น บัตรเครดิตจะถูกเรียกเก็บยอดชำระที่ได้ใช้จ่ายไปตามรอบที่ตกลงกันไว้ หากไม่จ่ายก็ต้องเสียดอกเบี้ยและค่าปรับตามมา  7.   ระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money)  เป็นระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์  โดยผู้ใช้งานสามารถสร้างบัญชี e-Money ขึ้นมาและเติมเงินเข้าไปในบัญชีผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อชำระค่าบริการหรือสินค้า หรือที่เรียกว่า e-Wallet เช่น e-Wallet แอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถืออย่าง True Money, Alipay, เป๋าตัง หรือ Line Pay เป็นต้น  8.   ระบบการชำระดุล (Settlement)  เป็นกระบวนการรับชำระเงินที่สร้างความสะดวกในการโอนเงินหรือทรัพย์สินระหว่างฝ่ายต่างๆ ในรูปแบบการบริการชำระเงินแบบล่วงหน้า โดยจะมีการหักเงินในบัญชีของผู้ใช้เพื่อนำไปชำระแก่เจ้าหนี้แบบอัตโนมัติ เช่น การซื้อขายหลักทรัพย์, การชำระเงิน และธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ  ระบบ e-payment เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้งานประเภทไหนบ้าง?  ระบบ e-payment เป็นการชำระเงินที่มีทั้งความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา และมีระบบต่างๆ ที่สามารถเลือกใช้ได้ตรงตามความต้องการของแต่ละคน จึงเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้งานหลากหลาย ดังนี้    ·    ผู้ที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว:  ระบบ e-payment ช่วยลดเวลาในการทำธุรกรรมการชำระเงิน และสามารถเลือกใช้บริการการเงินตามความต้องการได้อย่างหลากหลาย เช่น ช้อปปิ้งออนไลน์ หรือจ่ายค่าบริการต่างๆผ่านมือถือ  ·    นักธุรกิจและผู้ประกอบการ:  ระบบ e-payment จะช่วยให้นักธุรกิจและผู้ประกอบการทำธุรกรรมการเงินได้หลากหลายช่องทาง สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น    ·    ผู้ที่ต้องการความปลอดภัยสูง:  ระบบ e-payment มีมาตรการความปลอดภัยสูง  จึงช่วยปกป้งข้อมูลทางการเงินของคุณได้เป็นอย่างดี    จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันระบบการชำระเงินหรือการทำธุรกรรมทางการเงินในประเทศไทยมีความสะดวกและคล่องตัวมากขึ้น และในอนาคตระบบ e-payment มีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกอย่างแน่นอน โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามพัฒนาการและความต้องการของตลาดในแต่ละช่วง รวมถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ร่วมด้วย สนใจบริการจาก GHL สามารถพูดคุยกับเราได้แล้ววันนี้  โทร. 0-2440-0111 คลิก https://th.nttdatapay.com/contact  

23 Jul 2024

ทำความรู้จัก Alipay กระเป๋าเงินออนไลน์ กับช่องทางเพิ่มยอดขายที่ร้านค้าต้องรู้

สำหรับร้านค้าที่ต้องการเพิ่มยอดขาย มองหาช่องทางและการตลาดใหม่ๆ เพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาซื้อของและใช้จ่ายกับร้านค้าและธุรกิจของคุณให้มากขึ้น เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับอาลีเพย์ (Alipay) แอปฯ กระเป๋าเงินออนไลน์ชื่อดังจากประเทศจีน ที่จะช่วยให้ลูกค้าชาวจีนซื้อง่าย แถมคุณก็ขายคล่องได้อีกด้วย จากการที่การท่องเที่ยวหยุดชะงักไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 จนปัจจุบันนี้ สถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ และนับตั้งแต่ปลายปี 2566 ตลอดจนต้นปี 2567 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าประเทศไทยเรานั้นเป็นประเทศเนื้อหอม ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ไม่น้อย ซึ่งจากการเก็บสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าในจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดมีนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ 1 โดยมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านคนในช่วง 2 เดือนแรกของปี ทำให้ธุรกิจและกิจการต่างๆ สามารถเติบโตขึ้นได้จากกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อยู่ไม่น้อย และเพื่อรองรับการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนและต่างชาติ ผู้ประกอบการจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการรองรับการจ่ายด้วย E-Wallets ของประเทศต่างๆ  สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าช่องทางการชำระเงินนี้คืออะไร มีแล้วดีกับร้านค้าหรือธุรกิจคุณอย่างไร เรามาทำความรู้จักไปพร้อมกัน   อาลีเพย์ (Alipay) คืออะไร ? Alipay หรืออาลีเพย์ หรือจือฟู่เป่าในภาษาจีน เป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Wallet) หรือระบบการชำระเงินออนไลน์ที่สำคัญของประเทศจีน โดยได้รับการพัฒนาจากบริษัท Ant Financial Services Group ซึ่งอยู่ในเครือของ Alibaba ตั้งแต่ปี 2004 โดยสร้างมาเพื่อความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นช้อปปิ้งออนไลน์ ชำระบิล โอนเงิน จ่ายเงินผ่าน QR Code และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งในปัจจุบัน Alipay มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกเลยทีเดียว  และเพื่อขยายการรองรับการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆเพิ่มเติม จึงได้มีการพัฒนาอาลีเพย์ พลัส (Alipay+) ระบบรับชำเงินใหม่ที่ถูกพัฒนาออกมาเพื่อใช้รองรับการชำระเงินจากแอปฯกระเป๋าเงินออนไลน์ของประเทศต่างๆ เช่น ฮ่องกง สิงค์โปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เป็นต้น  อาลีเพย์ Alipay กับอาลีเพย์ พลัส Alipay+ ต่างกันยังไง   o     อาลีเพย์ (Alipay) เป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Wallet) พื้นฐานของคนจีนที่มีบัญชีทางการเงินอยู่ที่ประเทศจีน ใช้สำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินและชำระเงิน  นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยสามารถชำระเงินผ่านแอปฯอาลีเพย์ของตัวเองได้ที่ร้านค้าทุกร้านค้าที่รองรับระบบรับชำระเงิน Alipay   o    อาลีเพย์ พลัส (Alipay+) เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามาเพื่อรองรับการชำระเงินของนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้สะดวกและง่ายดายมากขึ้น ด้วยการเชื่อมต่อกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) ของประเทศต่างๆ  ทำให้นักท่องเที่ยวที่ใช้ e-Wallet สามารถใช้จ่ายด้วยแอปฯ e-Wallet ของตัวเองได้ที่ร้านค้าทุกร้านค้าที่รองรับระบบรับชำระเงิน Alipay+ แม้จะอยู่ในต่างประเทศ  สรุปแบบเข้าใจง่ายๆ  อาลีเพย์ (Alipay) คือแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินออนไลน์สำหรับผู้มีบัญชีทางการเงินในประเทศจีน ส่วนอาลีเพย์ พลัส (Alipay+) เป็นระบบการชำระเงินที่ผูกเชื่อมแอปพลิเคชั่นกระเป๋าเงินออนไลน์ของประเทศต่างๆไว้หลากหลายประเทศ  นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนสามารถใช้จ่ายด้วยแอป Alipay ของตัวเองได้ที่ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์อาลีเพย์ (Alipay) ส่วนนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง สิงค์โปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สามารถใช้จ่ายด้วยแอป E-Wallet ของตัวเองได้ที่ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์อาลีเพย์ พลัส (Alipay+) ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาแลกเงินให้วุ่นวายนั่นเอง  ข้อดีที่ร้านค้าจะได้รับ หากรองรับอาลีเพย์ (Alipay) และอาลีเพย์ พลัส (Alipay+) 1.   ดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น เนื่องจากอาลีเพย์ (Alipay) และอาลีเพย์ พลัส (Alipay+) มีผู้ใช้งานมากกว่า 1.5 พันล้านคนทั่วโลก หากร้านค้ามีระบบและเครื่องชำระเงินที่รองรับอาลีเพย์ (Alipay) และอาลีเพย์ พลัส (Alipay+) ก็จะช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวประเทศต่างๆ เข้ามาใช้จ่ายภายในร้านค้าได้มากขึ้น  2.   รองรับนักท่องเที่ยวได้มากกว่า เนื่องด้วยอาลีเพย์ พลัส สามารถรองรับการรับชำระเงินจาก e-Wallet ของประเทศต่างๆ ได้หลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง สิงค์โปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยเป็นจำนวนมากเป็นลำดับต้นๆ  ทำให้ร้านค้าสามารถรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากขึ้นนั่นเอง    3.   ชำระสะดวก ง่าย ไร้พรมแดน ด้วยช่องทางการชำระเงินที่สามารถทำได้ง่ายผ่านกระเป๋าเงินออนไลน์ของประเทศตนเอง นอกจากจะสามารถสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าหันมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการกับเรา ยังช่วยให้ลูกค้าสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องไปหาแลกเงินสด และตัดสินใจเลือกซื้อ จ่ายเงินกับร้านค้าเราได้ง่ายขึ้นมากอีกด้วย    4.   เพิ่มยอดขายได้ง่ายๆ เมื่อร้านค้าและธุรกิจของคุณสามารถตอบโจทย์การใช้จ่ายที่สะดวกสบายให้กับลูกค้าต่างชาติได้ง่ายแล้ว นั่นก็ทำให้คุณคว้าโอกาสเพิ่มยอดขายให้ร้านค้าได้ไม่ยาก เป็นการเพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับธุรกิจคุณได้อีกขั้น    เพิ่มโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ สร้างรายได้ให้มากกว่า สมัครอาลีเพย์ (Alipay) และอาลีเพย์ พลัส (Alipay+) กับ GHL ให้ร้านค้าของคุณสะดวกสบาย ง่ายต่อการชำระสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนและจากชาติต่างๆ สมัคร อาลีเพย์ (Alipay) และอาลีเพย์ พลัส (Alipay+) กับ GHL วันนี้ เพื่อช่วยให้ทุกธุรกรรมการเงินและการชำระสินค้าเป็นเรื่องง่ายขึ้น  

23 Jul 2024

ทำความรู้จัก Alipay กระเป๋าเงินออนไลน์ กับช่องทางเพิ่มยอดขายที่ร้านค้าต้องรู้

สำหรับร้านค้าที่ต้องการเพิ่มยอดขาย มองหาช่องทางและการตลาดใหม่ๆ เพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามาซื้อของและใช้จ่ายกับร้านค้าและธุรกิจของคุณให้มากขึ้น เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับอาลีเพย์ (Alipay) แอปฯ กระเป๋าเงินออนไลน์ชื่อดังจากประเทศจีน ที่จะช่วยให้ลูกค้าชาวจีนซื้อง่าย แถมคุณก็ขายคล่องได้อีกด้วย จากการที่การท่องเที่ยวหยุดชะงักไปเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 จนปัจจุบันนี้ สถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ และนับตั้งแต่ปลายปี 2566 ตลอดจนต้นปี 2567 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าประเทศไทยเรานั้นเป็นประเทศเนื้อหอม ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ไม่น้อย ซึ่งจากการเก็บสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าในจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดมีนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวมากเป็นอันดับ 1 โดยมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านคนในช่วง 2 เดือนแรกของปี ทำให้ธุรกิจและกิจการต่างๆ สามารถเติบโตขึ้นได้จากกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อยู่ไม่น้อย และเพื่อรองรับการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนและต่างชาติ ผู้ประกอบการจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับการรองรับการจ่ายด้วย E-Wallets ของประเทศต่างๆ  สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าช่องทางการชำระเงินนี้คืออะไร มีแล้วดีกับร้านค้าหรือธุรกิจคุณอย่างไร เรามาทำความรู้จักไปพร้อมกัน   อาลีเพย์ (Alipay) คืออะไร ? Alipay หรืออาลีเพย์ หรือจือฟู่เป่าในภาษาจีน เป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Wallet) หรือระบบการชำระเงินออนไลน์ที่สำคัญของประเทศจีน โดยได้รับการพัฒนาจากบริษัท Ant Financial Services Group ซึ่งอยู่ในเครือของ Alibaba ตั้งแต่ปี 2004 โดยสร้างมาเพื่อความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นช้อปปิ้งออนไลน์ ชำระบิล โอนเงิน จ่ายเงินผ่าน QR Code และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งในปัจจุบัน Alipay มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกเลยทีเดียว  และเพื่อขยายการรองรับการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆเพิ่มเติม จึงได้มีการพัฒนาอาลีเพย์ พลัส (Alipay+) ระบบรับชำเงินใหม่ที่ถูกพัฒนาออกมาเพื่อใช้รองรับการชำระเงินจากแอปฯกระเป๋าเงินออนไลน์ของประเทศต่างๆ เช่น ฮ่องกง สิงค์โปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เป็นต้น  อาลีเพย์ Alipay กับอาลีเพย์ พลัส Alipay+ ต่างกันยังไง   o     อาลีเพย์ (Alipay) เป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Wallet) พื้นฐานของคนจีนที่มีบัญชีทางการเงินอยู่ที่ประเทศจีน ใช้สำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินและชำระเงิน  นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยสามารถชำระเงินผ่านแอปฯอาลีเพย์ของตัวเองได้ที่ร้านค้าทุกร้านค้าที่รองรับระบบรับชำระเงิน Alipay   o    อาลีเพย์ พลัส (Alipay+) เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนามาเพื่อรองรับการชำระเงินของนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้สะดวกและง่ายดายมากขึ้น ด้วยการเชื่อมต่อกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) ของประเทศต่างๆ  ทำให้นักท่องเที่ยวที่ใช้ e-Wallet สามารถใช้จ่ายด้วยแอปฯ e-Wallet ของตัวเองได้ที่ร้านค้าทุกร้านค้าที่รองรับระบบรับชำระเงิน Alipay+ แม้จะอยู่ในต่างประเทศ  สรุปแบบเข้าใจง่ายๆ  อาลีเพย์ (Alipay) คือแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินออนไลน์สำหรับผู้มีบัญชีทางการเงินในประเทศจีน ส่วนอาลีเพย์ พลัส (Alipay+) เป็นระบบการชำระเงินที่ผูกเชื่อมแอปพลิเคชั่นกระเป๋าเงินออนไลน์ของประเทศต่างๆไว้หลากหลายประเทศ  นักท่องเที่ยวจากประเทศจีนสามารถใช้จ่ายด้วยแอป Alipay ของตัวเองได้ที่ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์อาลีเพย์ (Alipay) ส่วนนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง สิงค์โปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สามารถใช้จ่ายด้วยแอป E-Wallet ของตัวเองได้ที่ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์อาลีเพย์ พลัส (Alipay+) ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาแลกเงินให้วุ่นวายนั่นเอง  ข้อดีที่ร้านค้าจะได้รับ หากรองรับอาลีเพย์ (Alipay) และอาลีเพย์ พลัส (Alipay+) 1.   ดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น เนื่องจากอาลีเพย์ (Alipay) และอาลีเพย์ พลัส (Alipay+) มีผู้ใช้งานมากกว่า 1.5 พันล้านคนทั่วโลก หากร้านค้ามีระบบและเครื่องชำระเงินที่รองรับอาลีเพย์ (Alipay) และอาลีเพย์ พลัส (Alipay+) ก็จะช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวประเทศต่างๆ เข้ามาใช้จ่ายภายในร้านค้าได้มากขึ้น  2.   รองรับนักท่องเที่ยวได้มากกว่า เนื่องด้วยอาลีเพย์ พลัส สามารถรองรับการรับชำระเงินจาก e-Wallet ของประเทศต่างๆ ได้หลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน ฮ่องกง สิงค์โปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยเป็นจำนวนมากเป็นลำดับต้นๆ  ทำให้ร้านค้าสามารถรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากขึ้นนั่นเอง    3.   ชำระสะดวก ง่าย ไร้พรมแดน ด้วยช่องทางการชำระเงินที่สามารถทำได้ง่ายผ่านกระเป๋าเงินออนไลน์ของประเทศตนเอง นอกจากจะสามารถสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าหันมาซื้อสินค้าหรือใช้บริการกับเรา ยังช่วยให้ลูกค้าสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องไปหาแลกเงินสด และตัดสินใจเลือกซื้อ จ่ายเงินกับร้านค้าเราได้ง่ายขึ้นมากอีกด้วย    4.   เพิ่มยอดขายได้ง่ายๆ เมื่อร้านค้าและธุรกิจของคุณสามารถตอบโจทย์การใช้จ่ายที่สะดวกสบายให้กับลูกค้าต่างชาติได้ง่ายแล้ว นั่นก็ทำให้คุณคว้าโอกาสเพิ่มยอดขายให้ร้านค้าได้ไม่ยาก เป็นการเพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับธุรกิจคุณได้อีกขั้น    เพิ่มโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ สร้างรายได้ให้มากกว่า สมัครอาลีเพย์ (Alipay) และอาลีเพย์ พลัส (Alipay+) กับ GHL ให้ร้านค้าของคุณสะดวกสบาย ง่ายต่อการชำระสินค้าและบริการต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวจีนและจากชาติต่างๆ สมัคร อาลีเพย์ (Alipay) และอาลีเพย์ พลัส (Alipay+) กับ GHL วันนี้ เพื่อช่วยให้ทุกธุรกรรมการเงินและการชำระสินค้าเป็นเรื่องง่ายขึ้น  

4 Jul 2024

รวมบริการธุรกรรมการเงินจาก GHL มีอะไรบ้างที่คุณควรรู้

ตั้งแต่ปี 1994 ที่ GHL ได้พัฒนาและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่ต้องการใช้บริการด้านธุรกรรมทางการเงินมาโดยตลอด และในปัจจุบัน GHL ยังคงเป็นผู้นำด้านการให้บริการเรื่องการรับชำระเงินในภูมิภาคอาเซียน  อีกทั้งยังเป็นผู้ให้บริการและพัฒนาระบบรับชำระเงินระดับโลก ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน PCI DSS Level 1  ซึ่งเป็นมาตราฐานสากลขั้นสูงสุดด้านความปลอดภัยข้อมูลบัตรชำระเงิน และสามารถรองรับระบบรับชำระเงินที่ครอบคลุมและหลากหลายช่องทาง ซึ่งในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับบริการของ GHL ให้มากขึ้นว่า มีบริการอะไรบ้าง และบริหารไหนตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ เรารวมมาให้คุณแล้วที่นี่   รวมบริการระบบรับชำระจาก GHL ที่พร้อมให้บริการรับชำระเงินที่ครอบคลุมทุกช่องทาง โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้   1.   บริการ Online Payment หรือ E-Payment Gateway จาก GHL เป็นบริการที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการชำระเงินบนช่องทางออนไลน์ให้กับธุรกิจต่างๆ เช่น ร้านอาหารออนไลน์ เว็บไซต์ซื้อขายสินค้าออนไลน์ เว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบิน จองตั๋วคอนเสิร์ต และเว็บไซต์ E-commerce ต่างๆ ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นตัวกลาง ซึ่งที่ GHL มีบริการด้าน Online Payment ที่มีหลากหลายฟีเจอร์และรองรับการชำระเงินหลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน ดังนี้   ·    การเชื่อมต่อระบบ Payment Gateway  กับ หน้าเว็บไซต์ของร้านค้า o    Server To Server เป็นบริการเชื่อมต่อหน้าการชำระเงินของร้านค้าที่ได้รับการรับรองมาตราฐานสากล PCI-DSS โดยร้านค้าสามารถดีไซน์หน้าเพจรับชำระเงินเองได้แล้วเชื่อมต่อกับระบบ payment gateway ของ GHL o    HOSTED PAYMENT PAGE เป็นบริการสำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ไม่มี PCI-DSS  ก็สามารถรับชำระเงินออนไลน์ได้ โดยร้านค้าสามารถเชื่อมต่อกับระบบรับชำระเงินของ GHL และใช้หน้าเพจรับชำระเงินของของ GHL เพื่อรับชำระเงินได้ทันที ซึ่งเป็นหน้าเพจที่ใช้งานง่ายและรองรับการชำระเงินได้หลายรูปแบบ   ·    การเชื่อมต่อระบบ Payment Gateway กับ แอปพลิเคชันของร้านค้า สำหรับร้านค้าที่มีแอปพลิเคชันเป็นช่องทางการขาย ก็สามารถเชื่อมต่อระบบรับชำระเงินของ GHL ได้เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าและชำระเงินได้ทันที สะดวกรวดเร็วและปลอดภัย ·    การชำระเงินแบบกำหนดเวลา Scheduled Payment o    Recurring บริการเรียกชำระเงินตามรอบ ซึ่งจะรับชำระเงินได้โดยการตัดบัตรเครดิต หรือผ่านบัญชีเงินฝากประเภทต่างๆ เหมาะกับร้านค้าที่ต้องเรียกเก็บเงินจากลูกค้าเป็นประจำทุกๆ เดือน o    Installment บริการผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิต สำหรับร้านค้าและธุรกิจที่ต้องการให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระสินค้าผ่านบัตรเครดิต โดยสามารถกำหนดระยะเวลาในการผ่อนชำระได้   ·    Payment Link Service บริการสร้างและส่งลิงก์เพื่อรับชำระเงิน  บริการสร้าง payment link และส่งให้ลูกค้าทางช่องทางต่างๆ เช่น email หรือ ไลน์แชท เพื่อให้ลูกค้าคลิกชำระเงินได้ทันที เหมาะสำหรับร้านค้าที่ไม่มีหน้าเพจเวบไซด์ ก็สามารถรับชำระเงินออนไลน์ได้  และยังสามารถตั้งเวลาในการส่ง link รับชำระเงินไปยังอีเมลของลูกค้าหลายๆเมลพร้อมกันได้อีกด้วย ·    Buy Now Button บริการสร้างปุ่มชำระเงินด่วน เป็นการสร้างปุ่มสั่งซื้อสินค้า โดยเมื่อลูกค้ากดปุ่ม ระบบจะพาไปยังหน้าชำระเงินทันที เหมาะสำหรับร้านค้าที่มีสินค้าชิ้นเดียวที่ไม่จำเป็นต้องสร้างตะกร้าสินค้า หรือ ร้านค้าที่มีสินค้าจัดโปรโมชั่นพิเศษที่ต้องการกระตุ้นการซื้อทันที   ·    Dashboard รายงานพร้อมวิเคราะห์ข้อมูล ร้านค้าสามารถล็อกอินเข้าดูข้อมูลรายการรับชำระเงิน (Transaction Report) และสถิติต่างๆ เชิงลึกแบบเรียลไทม์ และย้อนหลังได้  โดยระบบหลังบ้านนี้สามารถตั้งค่าให้แต่ละ user เข้ามาดูรายละเอียดเฉพาะส่วนได้อีกด้วย  รูปแบบของรายงานอ่านง่าย สามารถดึงออกมาเป็น Excel ที่สามารถฟิลเตอร์ข้อมูลในส่วนที่ต้องการและนำออกมาใช้ได้สะดวก ให้คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปต่อยอดด้านการตลาดเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจให้เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ   2.   บริการ Offline Payment จาก GHL สำหรับเจ้าของร้านค้าหรือธุรกิจที่สงสัยว่าในส่วนของ Offline Payment จาก GHL เรามีบริการอะไรบ้าง และครอบคลุมบริการอย่างไรบ้าง สามารถหาคำตอบได้จากบทความนี้   ซึ่งในส่วนของ Offline Payment นั้น  GHL เรียกได้ว่าเป็นผู้นำด้านการให้บริการเรื่องการรับชำระเงินในระดับภูมิภาคอาเซียน โดยมีบริการที่ครอบคลุมหลากหลายสำหรับประเภทธุรกิจแบบต่างๆ ดังนี้   ·    เครื่องรูดบัตร EDC All in One รับได้ทุกประเภทการจ่ายในเครื่องเดียว จุดที่ทำให้ GHL เราโดดเด่นในการให้บริการการรับชำระเงินบนเครื่องรูดบัตร (EDC) คือ ความครบครันที่รองรับการชำระเงินได้ทุกรูปแบบทั้งบัตรเดบิต บัตรเครดิตประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบัตร Visa, Mastercard, Union Pay, JCB, American Express, รวมทั้ง QR Payment จากแอปพลิเคชันธนาคารและกระเป๋าเงินออนไลน์ (E-Wallet) ทั้งในประเทศอย่าง TrueMoney, Shopee Pay, Line Pay และต่างประเทศ เช่น Alipay และ Alipay+  นอกจากนี้ ยังสามารถรองรับการผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิตของธนาคารได้ถึง 6 ธนาคารหลัก ทำให้ร้านค้าประหยัดทั้งเวลาและพื้นที่ในการวางเครื่อง  สะดวกและปลอดภัย จบทุกการรับชำระในเครื่องเดียว ·    GHL Line Official Account  เพื่อรองรับการชำระเงินแบบสแกน QR ที่มีผู้ใช้เป็นจำนวนมากในปัจจุบันนี้  และเพื่อให้ร้านค้าทุกประเภทรวมทั้งร้านค้ารายย่อยสามารถรับดิจิทัล เพย์เมนท์ได้   GHL จึงได้พัฒนาระบบรับชำระเงินรูปแบบ QR บน  Line แอปพลิเคชัน ร้านค้าที่มีขนาดกลางและขนาดเล็กที่ต้องการเพิ่มโอกาสการขายก็สามารถรองรับการชำระเงินแบบดิจิทัลได้หลายรูปแบบโดยใช้โทรศัพท์มือถือของร้านค้าในการรับชำระเงิน  ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงเพิ่ม GHL เป็นเพื่อน แล้วลงทะเบียนเพื่อเปิดระบบรับชำระได้ทันที ซึ่งมีช่องทางรับชำระมากมาย ไม่ว่าจะเป็น QR บัตรเครดิต, Thai QR (พร้อมเพย์), TrueMoney, Shopee Pay, Line Pay, Alipay และ Alipay+ เป็นต้น   ·    Smart API Solutions ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องรูดบัตรและการชำระเงินผ่าน GHL Line Official Account เท่านั้น  GHL เรายังมีบริการเชื่อมต่อ Payment ผ่าน API กับเครื่องบันทึกการขาย POS และเครื่องอัตโนมัติต่างๆ  ที่จะช่วยให้การชำระเงินนั้นง่ายขึ้น เช่น o   เครื่องบันทึกการขายหน้าร้าน (Retails POS) o   ตู้กดน้ำ หรือตู้กดอาหารอัตโนมัติ (Vending Machine) o   เครื่องบริการสั่งอาหารและเครื่องดื่มด้วยตัวเอง (Self Service Kiosk) o   ระบบคิดเงินลานจอดรถอัตโนมัติ (Auto Parking Payment)   เลือกใช้บริการกับ GHL ที่นี่เราพร้อมมอบการดูแลทุกเรื่องของธุรกรรมทางการเงินให้ครบจบในที่เดียว และนี่ก็คือบริการธุรกรรมทางการเงินจาก GHL ที่เราได้รวมมาฝากและให้คุณได้รู้จักเรามากขึ้น ซึ่งหากมีบริการไหนที่ตอบโจทย์ ตรงใจ และสามารถเข้าไปช่วยให้ธุรกิจหรือร้านค้าของคุณซื้อง่ายขายคล่องได้มากขึ้น สามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่านทาง”จีซ่า” แชทบอทบนหน้าเว็บไซต์ GHL หรือ ติดต่อฝ่ายบริการร้านค้า โทร. 0-2440-0111   

4 Jul 2024

รวมบริการธุรกรรมการเงินจาก GHL มีอะไรบ้างที่คุณควรรู้

ตั้งแต่ปี 1994 ที่ GHL ได้พัฒนาและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่ต้องการใช้บริการด้านธุรกรรมทางการเงินมาโดยตลอด และในปัจจุบัน GHL ยังคงเป็นผู้นำด้านการให้บริการเรื่องการรับชำระเงินในภูมิภาคอาเซียน  อีกทั้งยังเป็นผู้ให้บริการและพัฒนาระบบรับชำระเงินระดับโลก ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน PCI DSS Level 1  ซึ่งเป็นมาตราฐานสากลขั้นสูงสุดด้านความปลอดภัยข้อมูลบัตรชำระเงิน และสามารถรองรับระบบรับชำระเงินที่ครอบคลุมและหลากหลายช่องทาง ซึ่งในบทความนี้ เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับบริการของ GHL ให้มากขึ้นว่า มีบริการอะไรบ้าง และบริหารไหนตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ เรารวมมาให้คุณแล้วที่นี่   รวมบริการระบบรับชำระจาก GHL ที่พร้อมให้บริการรับชำระเงินที่ครอบคลุมทุกช่องทาง โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้   1.   บริการ Online Payment หรือ E-Payment Gateway จาก GHL เป็นบริการที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการชำระเงินบนช่องทางออนไลน์ให้กับธุรกิจต่างๆ เช่น ร้านอาหารออนไลน์ เว็บไซต์ซื้อขายสินค้าออนไลน์ เว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบิน จองตั๋วคอนเสิร์ต และเว็บไซต์ E-commerce ต่างๆ ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นตัวกลาง ซึ่งที่ GHL มีบริการด้าน Online Payment ที่มีหลากหลายฟีเจอร์และรองรับการชำระเงินหลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน ดังนี้   ·    การเชื่อมต่อระบบ Payment Gateway  กับ หน้าเว็บไซต์ของร้านค้า o    Server To Server เป็นบริการเชื่อมต่อหน้าการชำระเงินของร้านค้าที่ได้รับการรับรองมาตราฐานสากล PCI-DSS โดยร้านค้าสามารถดีไซน์หน้าเพจรับชำระเงินเองได้แล้วเชื่อมต่อกับระบบ payment gateway ของ GHL o    HOSTED PAYMENT PAGE เป็นบริการสำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ไม่มี PCI-DSS  ก็สามารถรับชำระเงินออนไลน์ได้ โดยร้านค้าสามารถเชื่อมต่อกับระบบรับชำระเงินของ GHL และใช้หน้าเพจรับชำระเงินของของ GHL เพื่อรับชำระเงินได้ทันที ซึ่งเป็นหน้าเพจที่ใช้งานง่ายและรองรับการชำระเงินได้หลายรูปแบบ   ·    การเชื่อมต่อระบบ Payment Gateway กับ แอปพลิเคชันของร้านค้า สำหรับร้านค้าที่มีแอปพลิเคชันเป็นช่องทางการขาย ก็สามารถเชื่อมต่อระบบรับชำระเงินของ GHL ได้เพื่อให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าและชำระเงินได้ทันที สะดวกรวดเร็วและปลอดภัย ·    การชำระเงินแบบกำหนดเวลา Scheduled Payment o    Recurring บริการเรียกชำระเงินตามรอบ ซึ่งจะรับชำระเงินได้โดยการตัดบัตรเครดิต หรือผ่านบัญชีเงินฝากประเภทต่างๆ เหมาะกับร้านค้าที่ต้องเรียกเก็บเงินจากลูกค้าเป็นประจำทุกๆ เดือน o    Installment บริการผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิต สำหรับร้านค้าและธุรกิจที่ต้องการให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระสินค้าผ่านบัตรเครดิต โดยสามารถกำหนดระยะเวลาในการผ่อนชำระได้   ·    Payment Link Service บริการสร้างและส่งลิงก์เพื่อรับชำระเงิน  บริการสร้าง payment link และส่งให้ลูกค้าทางช่องทางต่างๆ เช่น email หรือ ไลน์แชท เพื่อให้ลูกค้าคลิกชำระเงินได้ทันที เหมาะสำหรับร้านค้าที่ไม่มีหน้าเพจเวบไซด์ ก็สามารถรับชำระเงินออนไลน์ได้  และยังสามารถตั้งเวลาในการส่ง link รับชำระเงินไปยังอีเมลของลูกค้าหลายๆเมลพร้อมกันได้อีกด้วย ·    Buy Now Button บริการสร้างปุ่มชำระเงินด่วน เป็นการสร้างปุ่มสั่งซื้อสินค้า โดยเมื่อลูกค้ากดปุ่ม ระบบจะพาไปยังหน้าชำระเงินทันที เหมาะสำหรับร้านค้าที่มีสินค้าชิ้นเดียวที่ไม่จำเป็นต้องสร้างตะกร้าสินค้า หรือ ร้านค้าที่มีสินค้าจัดโปรโมชั่นพิเศษที่ต้องการกระตุ้นการซื้อทันที   ·    Dashboard รายงานพร้อมวิเคราะห์ข้อมูล ร้านค้าสามารถล็อกอินเข้าดูข้อมูลรายการรับชำระเงิน (Transaction Report) และสถิติต่างๆ เชิงลึกแบบเรียลไทม์ และย้อนหลังได้  โดยระบบหลังบ้านนี้สามารถตั้งค่าให้แต่ละ user เข้ามาดูรายละเอียดเฉพาะส่วนได้อีกด้วย  รูปแบบของรายงานอ่านง่าย สามารถดึงออกมาเป็น Excel ที่สามารถฟิลเตอร์ข้อมูลในส่วนที่ต้องการและนำออกมาใช้ได้สะดวก ให้คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปต่อยอดด้านการตลาดเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจให้เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ   2.   บริการ Offline Payment จาก GHL สำหรับเจ้าของร้านค้าหรือธุรกิจที่สงสัยว่าในส่วนของ Offline Payment จาก GHL เรามีบริการอะไรบ้าง และครอบคลุมบริการอย่างไรบ้าง สามารถหาคำตอบได้จากบทความนี้   ซึ่งในส่วนของ Offline Payment นั้น  GHL เรียกได้ว่าเป็นผู้นำด้านการให้บริการเรื่องการรับชำระเงินในระดับภูมิภาคอาเซียน โดยมีบริการที่ครอบคลุมหลากหลายสำหรับประเภทธุรกิจแบบต่างๆ ดังนี้   ·    เครื่องรูดบัตร EDC All in One รับได้ทุกประเภทการจ่ายในเครื่องเดียว จุดที่ทำให้ GHL เราโดดเด่นในการให้บริการการรับชำระเงินบนเครื่องรูดบัตร (EDC) คือ ความครบครันที่รองรับการชำระเงินได้ทุกรูปแบบทั้งบัตรเดบิต บัตรเครดิตประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบัตร Visa, Mastercard, Union Pay, JCB, American Express, รวมทั้ง QR Payment จากแอปพลิเคชันธนาคารและกระเป๋าเงินออนไลน์ (E-Wallet) ทั้งในประเทศอย่าง TrueMoney, Shopee Pay, Line Pay และต่างประเทศ เช่น Alipay และ Alipay+  นอกจากนี้ ยังสามารถรองรับการผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิตของธนาคารได้ถึง 6 ธนาคารหลัก ทำให้ร้านค้าประหยัดทั้งเวลาและพื้นที่ในการวางเครื่อง  สะดวกและปลอดภัย จบทุกการรับชำระในเครื่องเดียว ·    GHL Line Official Account  เพื่อรองรับการชำระเงินแบบสแกน QR ที่มีผู้ใช้เป็นจำนวนมากในปัจจุบันนี้  และเพื่อให้ร้านค้าทุกประเภทรวมทั้งร้านค้ารายย่อยสามารถรับดิจิทัล เพย์เมนท์ได้   GHL จึงได้พัฒนาระบบรับชำระเงินรูปแบบ QR บน  Line แอปพลิเคชัน ร้านค้าที่มีขนาดกลางและขนาดเล็กที่ต้องการเพิ่มโอกาสการขายก็สามารถรองรับการชำระเงินแบบดิจิทัลได้หลายรูปแบบโดยใช้โทรศัพท์มือถือของร้านค้าในการรับชำระเงิน  ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงเพิ่ม GHL เป็นเพื่อน แล้วลงทะเบียนเพื่อเปิดระบบรับชำระได้ทันที ซึ่งมีช่องทางรับชำระมากมาย ไม่ว่าจะเป็น QR บัตรเครดิต, Thai QR (พร้อมเพย์), TrueMoney, Shopee Pay, Line Pay, Alipay และ Alipay+ เป็นต้น   ·    Smart API Solutions ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องรูดบัตรและการชำระเงินผ่าน GHL Line Official Account เท่านั้น  GHL เรายังมีบริการเชื่อมต่อ Payment ผ่าน API กับเครื่องบันทึกการขาย POS และเครื่องอัตโนมัติต่างๆ  ที่จะช่วยให้การชำระเงินนั้นง่ายขึ้น เช่น o   เครื่องบันทึกการขายหน้าร้าน (Retails POS) o   ตู้กดน้ำ หรือตู้กดอาหารอัตโนมัติ (Vending Machine) o   เครื่องบริการสั่งอาหารและเครื่องดื่มด้วยตัวเอง (Self Service Kiosk) o   ระบบคิดเงินลานจอดรถอัตโนมัติ (Auto Parking Payment)   เลือกใช้บริการกับ GHL ที่นี่เราพร้อมมอบการดูแลทุกเรื่องของธุรกรรมทางการเงินให้ครบจบในที่เดียว และนี่ก็คือบริการธุรกรรมทางการเงินจาก GHL ที่เราได้รวมมาฝากและให้คุณได้รู้จักเรามากขึ้น ซึ่งหากมีบริการไหนที่ตอบโจทย์ ตรงใจ และสามารถเข้าไปช่วยให้ธุรกิจหรือร้านค้าของคุณซื้อง่ายขายคล่องได้มากขึ้น สามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ผ่านทาง”จีซ่า” แชทบอทบนหน้าเว็บไซต์ GHL หรือ ติดต่อฝ่ายบริการร้านค้า โทร. 0-2440-0111   

2 Jul 2024

ทำความรู้จัก GHL ผู้นำบริการระบบชำระเงินมาแรงระดับอาเซียน

จุดเริ่มต้นของ GHL Group ผู้ให้บริการระบบชำระเงิน (Payment) ระดับชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 1994 จากความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนกลุ่มธุรกิจและผู้ประกอบการขนาดเล็ก โดยการพัฒนาและออกแบบระบบชำระเงิน (Payment) ให้พร้อมรองรับการเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินได้อย่างหลากหลาย หากถามว่า GHL คือใคร บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ GHL ให้มากขึ้น GHL คือใคร ให้บริการอะไรบ้าง ?GHL คือ ผู้นำด้านการชำระเงินในภูมิภาคอาเซียนที่ให้บริการเกี่ยวกับระบบรับชำระเงินแบบครบวงจร ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ และยังสามารถรองรับช่องทางการชำระเงินได้ครอบคลุมและหลากหลายช่องทาง ดังนี้ เครื่องรูดบัตร EDC (Electronic Data Capture): เครื่องรูดบัตรที่สามารถรองรับการรับชำระเงินได้หลากหลาย เช่น การชำระเงินผ่านบัตรเครติด ทั้งการรูดชำระแบบเต็มจำนวน และแบบแบ่งชำระ, การชำระเงินด้วย QR Code ไม่ว่าจะเป็น Thai QR (พร้อมเพย์), e-Wallet ต่างๆ ทั้งที่เป็น wallet ในประเทศและระหว่างประเทศ (Cross-Border Wallet) ระบบรับชำระเงินออนไลน์ (Payment Gateway): ระบบรับชำระเงินที่รองรับการชำระเงินแบบออนไลน์ อาทิเช่น การชำระเงินด้วยบัตรเดบิต, บัตรเครดิต, Internet Banking, ThaiQR (พร้อมเพย์), e-Wallet ต่างๆ และ O2O (Online-to-Offline) ระบบรับชำระเงินผ่าน GHL Line Official Account: ช่องทางการรับชำระเงินด้วยการสแกน QR Code  สำหรับผู้ประกอบการ ร้านค้าที่ต้องการใช้โทรศัพท์รับชำระเงิน เพื่อความสะดวกสบายและรวดเร็ว GHL Group ให้บริการครอบคลุม 6 ประเทศ GHL  ได้รับความไว้วางใจจากธุรกิจแถวหน้าและร้านค้าชั้นนำในระดับภูมิภาคอาเซียน  เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และไทย  ในการใช้ระบบชำระเงินแบบครบวงจรและบริการเครื่องรูดบัตร EDC GHL ตัวช่วยสนับสนุนธุรกิจที่ปลอดภัยสำหรับคุณ ร้านค้าขนาดใหญ่: ร้านค้าที่ต้องการเพิ่มช่องทางการชำระเงิน ให้ครอบคลุมทุกรูปแบบ เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นการชำระด้วยบัตรเครดิต  QR พร้อมเพย์ รวมทั้ง e-Wallet ต่างๆทั้งในและต่างประเทศ ร้านค้าขนาดเล็ก: สามารถสมัครใช้บริการ GHL Line Official Account แล้วใช้โทรศัพท์ในการรับชำระเงิน โดยรองรับการชำระเงินด้วย QR และ e-wallets ทุกประเภท รวมทั้ง QR บัตรเครดิต ทำให้ไม่พลาดทุกการรับชำระ ร้านค้าออนไลน์: ร้านค้าที่ต้องการเพิ่มโอกาสชำระเงินแบบออนไลน์ด้วยระบบ Payment Gateway ของ GHL ที่ปลอดภัย ใช้งานง่ายในแพลตฟอร์มเดียว ทั้งยังสามารถตรวจสอบข้อมูลการชำระได้แบบเรียลไทม์ และได้รับการรับรองมาตรฐาน PCI DSS Level 1 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยของข้อมูลบัตรชำระเงิน เพื่อช่วยป้องกันการละเมิดข้อมูลบัตรเครดิต นอกจากนี้ GHL ยังเป็นที่ยอมรับในฐานะผู้นำด้านการให้บริการรับชำระเงินที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ทำให้ปัจจุบัน GHL ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าชั้นนำ และร้านค้ารายย่อยในหลากหลายประเภทธุรกิจ  นอกจากนี้  GHL ยังมีทีมงานบริการร้านค้าที่จะคอยให้บริการช่วยเหลือร้านค้าเกี่ยวกับการใช้งานทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้คุณได้มั่นใจในทุกการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงสนใจบริการเครื่องรูดบัตร GHL สามารถพูดคุยกับเราได้แล้ววันนี้ โทร. 0-2440-0111   คลิก https://th.nttdatapay.com/contact 

2 Jul 2024

ทำความรู้จัก GHL ผู้นำบริการระบบชำระเงินมาแรงระดับอาเซียน

จุดเริ่มต้นของ GHL Group ผู้ให้บริการระบบชำระเงิน (Payment) ระดับชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 1994 จากความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนกลุ่มธุรกิจและผู้ประกอบการขนาดเล็ก โดยการพัฒนาและออกแบบระบบชำระเงิน (Payment) ให้พร้อมรองรับการเข้าถึงธุรกรรมทางการเงินได้อย่างหลากหลาย หากถามว่า GHL คือใคร บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ GHL ให้มากขึ้น GHL คือใคร ให้บริการอะไรบ้าง ?GHL คือ ผู้นำด้านการชำระเงินในภูมิภาคอาเซียนที่ให้บริการเกี่ยวกับระบบรับชำระเงินแบบครบวงจร ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ และยังสามารถรองรับช่องทางการชำระเงินได้ครอบคลุมและหลากหลายช่องทาง ดังนี้ เครื่องรูดบัตร EDC (Electronic Data Capture): เครื่องรูดบัตรที่สามารถรองรับการรับชำระเงินได้หลากหลาย เช่น การชำระเงินผ่านบัตรเครติด ทั้งการรูดชำระแบบเต็มจำนวน และแบบแบ่งชำระ, การชำระเงินด้วย QR Code ไม่ว่าจะเป็น Thai QR (พร้อมเพย์), e-Wallet ต่างๆ ทั้งที่เป็น wallet ในประเทศและระหว่างประเทศ (Cross-Border Wallet) ระบบรับชำระเงินออนไลน์ (Payment Gateway): ระบบรับชำระเงินที่รองรับการชำระเงินแบบออนไลน์ อาทิเช่น การชำระเงินด้วยบัตรเดบิต, บัตรเครดิต, Internet Banking, ThaiQR (พร้อมเพย์), e-Wallet ต่างๆ และ O2O (Online-to-Offline) ระบบรับชำระเงินผ่าน GHL Line Official Account: ช่องทางการรับชำระเงินด้วยการสแกน QR Code  สำหรับผู้ประกอบการ ร้านค้าที่ต้องการใช้โทรศัพท์รับชำระเงิน เพื่อความสะดวกสบายและรวดเร็ว GHL Group ให้บริการครอบคลุม 6 ประเทศ GHL  ได้รับความไว้วางใจจากธุรกิจแถวหน้าและร้านค้าชั้นนำในระดับภูมิภาคอาเซียน  เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และไทย  ในการใช้ระบบชำระเงินแบบครบวงจรและบริการเครื่องรูดบัตร EDC GHL ตัวช่วยสนับสนุนธุรกิจที่ปลอดภัยสำหรับคุณ ร้านค้าขนาดใหญ่: ร้านค้าที่ต้องการเพิ่มช่องทางการชำระเงิน ให้ครอบคลุมทุกรูปแบบ เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกในการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นการชำระด้วยบัตรเครดิต  QR พร้อมเพย์ รวมทั้ง e-Wallet ต่างๆทั้งในและต่างประเทศ ร้านค้าขนาดเล็ก: สามารถสมัครใช้บริการ GHL Line Official Account แล้วใช้โทรศัพท์ในการรับชำระเงิน โดยรองรับการชำระเงินด้วย QR และ e-wallets ทุกประเภท รวมทั้ง QR บัตรเครดิต ทำให้ไม่พลาดทุกการรับชำระ ร้านค้าออนไลน์: ร้านค้าที่ต้องการเพิ่มโอกาสชำระเงินแบบออนไลน์ด้วยระบบ Payment Gateway ของ GHL ที่ปลอดภัย ใช้งานง่ายในแพลตฟอร์มเดียว ทั้งยังสามารถตรวจสอบข้อมูลการชำระได้แบบเรียลไทม์ และได้รับการรับรองมาตรฐาน PCI DSS Level 1 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยของข้อมูลบัตรชำระเงิน เพื่อช่วยป้องกันการละเมิดข้อมูลบัตรเครดิต นอกจากนี้ GHL ยังเป็นที่ยอมรับในฐานะผู้นำด้านการให้บริการรับชำระเงินที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ทำให้ปัจจุบัน GHL ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าชั้นนำ และร้านค้ารายย่อยในหลากหลายประเภทธุรกิจ  นอกจากนี้  GHL ยังมีทีมงานบริการร้านค้าที่จะคอยให้บริการช่วยเหลือร้านค้าเกี่ยวกับการใช้งานทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้คุณได้มั่นใจในทุกการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคงสนใจบริการเครื่องรูดบัตร GHL สามารถพูดคุยกับเราได้แล้ววันนี้ โทร. 0-2440-0111   คลิก https://th.nttdatapay.com/contact 

25 Apr 2024

GHL ผู้นำระบบเพย์เมนต์ระดับภูมิภาค จับมือ UOB เสริมแกร่งด้านดิจิทัลเพย์เมนต์

การจับจ่ายที่สะดวกสบายอย่างทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ผ่านเครื่องรูดบัตร EDC ล้วนมีเบื้องหลังสำคัญจากผู้ให้บริการชำระเงิน ซึ่ง “GHL” ถือเป็นผู้นำระบบเพย์เมนต์ระดับภูมิภาคอาเซียน ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย และเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศมาเลเซีย โดยปีนี้นับเป็นการครบรอบ 30 ปีของการก่อตั้ง GHL Group ซึ่งนอกจากมาเลเซียแล้ว ยังขยายธุรกิจในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยกว่า 17 ปีแล้วคุณปริญญา จินันทุยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจเพย์เมนต์มีการพัฒนาและมีความก้าวหน้าตลอดเวลา ซึ่ง GHL ประเทศไทยได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ ประสบการณ์ เทคโนโลยี และทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทแม่ในฐานะผู้นำระบบเพย์เมนต์ระดับภูมิภาค จนเป็นผู้ให้บริการรับชำระเงินทั้งแบบออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซ และการรับชำระผ่านเครื่องรูดบัตร EDC แบบครบวงจร รวมถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายและให้เช่าเครื่องรูดบัตร EDC ให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กรอย่างธนาคารและบริษัทพันธมิตรต่างๆ รวมถึงการพัฒนาโปรแกรมหรือโซลูชันต่างๆ ตามความต้องการของลูกค้าการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งทำให้วันนี้เครื่องรูดบัตร EDC ของ GHL เป็นเครื่องรับชำระเงินแบบ All-In-One ที่รองรับการรับชำระเงินได้หลากหลายรูปแบบที่สุดก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตวีซ่า มาสเตอร์คาร์ด ยูเนี่ยนเพย์ เจซีบี อเมริกันเอ็กซเพรส นอกจากนี้ยังรองรับการชำระเงินในรูปแบบคิวอาร์โค้ดและอีวอลเล็ตต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น พร้อมเพย์ (Thai QR), ทรูมันนี่ วอลเล็ต, ไลน์เพย์, ช้อปปี้เพย์, ลาซาด้าเพย์, อาลีเพย์, อาลีเพย์พลัส เพื่อรองรับการรับชำระเงินจากอีวอลเล็ตของต่างประเทศ เช่น จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยเป็นจำนวนมากเป็นลำดับต้นๆ เพื่อตอบโจทย์ให้กลุ่มธุรกิจร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มโรงแรมและการบริการต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวให้สามารถรองรับดิจิทัลเพย์เมนต์ที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีจุดบริการร้านค้าที่รับบัตรมากกว่า 10,000 ร้านค้าในปีที่ผ่านมา นอกจากการพัฒนาการรับชำระด้วยคิวอาร์และอีวอลเล็ตต่างๆ ให้อยู่บน GHL LINE Official Account สำหรับร้านค้ารายย่อยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องรูดบัตร EDC แล้ว GHL ยังได้สร้างความแตกต่างด้วยการเพิ่มมูลค่าให้กับเครื่องรูดบัตร EDC All-In-One โดยสามารถรองรับการรูดแบบผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิตได้ถึง 6 ธนาคารผู้ออกบัตรไว้ในเครื่องเดียว เพื่อลดความยุ่งยากในการติดต่อและวางเครื่องของแต่ละธนาคารแบบหนึ่งต่อหนึ่ง และยังเป็นปีสำคัญของการจับมือกับพาร์ทเนอร์รายใหญ่อย่างธนาคารยูโอบีเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจภายใต้ ยูโอบี บิซสมาร์ท (UOB BizSmart) ซึ่งเป็นการนำโซลูชันการจัดการธุรกิจต่างๆ ที่ทางธนาคารได้คัดสรรมาจากพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เพื่อนำมาช่วยลดต้นทุน ประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พร้อมปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมไร้เงินสด” คุณสยุมรัตน์ มาระเนตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Head of Business Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารยูโอบีมองหาพาร์ทเนอร์ที่สามารถนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งธุรกิจและผู้บริโภคได้ และเห็นว่า GHL เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการรับชำระเงินในภูมิภาคอาเซียน ที่นำเสนอบริการการรับชำระเงินผ่านเครื่องรูดบัตรแบบ All-In-One ที่มีมาตรฐานในระดับโลก น่าเชื่อถือ และสามารถรองรับการชำระเงินได้อย่างหลากหลายครอบคลุม ทั้งจากบัตรเครดิต บัตรเดบิต คิวอาร์ รวมถึงการชำระจากอีวอลเล็ตชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ และยังมีทีมงานมืออาชีพที่ช่วยดูแลกระบวนการอนุมัติและติดตั้งเครื่องรับบัตร รวมถึงบริการหลังการขายให้กับลูกค้าของยูโอบี ธนาคารจึงมีความมั่นใจในการนำโซลูชันของ GHL มาเป็นหนึ่งในโซลูชันของ UOB BizSmart เพื่อเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถบริหารธุรกิจในยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าหลักที่ธนาคารเข้าไปแนะนำบริการของ GHL ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแบบ B2C (Business-to-Consumer) ที่มีหน้าร้าน และมีการรับชำระเงินสดอยู่เป็นประจำ เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ คลินิกเสริมความงาม สปา ร้านค้าปลีก โรงแรม และร้านค้าตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เป็นต้น เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้เป็นธุรกิจที่มีลูกค้าเป็นทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ  มีความต้องการช่องทางชำระเงินที่หลากหลาย ดังนั้น การมีโซลูชันที่รองรับการชำระเงินที่หลากหลายแบบ All-In-One ในเครื่องเดียวอย่าง GHL จึงช่วยให้ร้านค้าสามารถรองรับรูปแบบการชำระเงินตามที่ลูกค้าต้องการ ไม่เสียโอกาสในการขายสินค้า รวมถึงช่วยลดการรับเงินสดที่มีต้นทุนในการบริหารจัดการและความเสี่ยงที่สูงกว่า ยกระดับภาพลักษณ์และการสร้างความเชื่อมั่นกับร้านค้าที่ได้รับเครื่องผ่านการพิจารณาจากทางธนาคาร “ผู้ประกอบการเจ้าของร้านที่ได้รับการติดตั้งเครื่องรูดบัตรของ GHL มีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อำนวยความสะดวกในการรับชำระเงินให้แก่ลูกค้าที่เข้ารับบริการ และปรับปรุงการทำงานของระบบหลังบ้าน ทำให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบยอดรายรับได้สะดวก ลดการผิดพลาดในการชำระค่าบริการและมีความปลอดภัย” คุณสยุมรัตน์ กล่าว จากผลตอบรับที่ดีดังกล่าว แน่นอนว่าทั้ง GHL และธนาคารยูโอบี ยังคงเดินหน้าร่วมมือกันสนับสนุนผู้ประกอบการในมิติต่างๆ ต่อไปในอนาคต โดยนอกเหนือจากให้บริการรับชำระเงินผ่านเครื่องรูดบัตรแล้ว ทางธนาคารยังมีแผนที่จะนำโซลูชันการรับชำระเงินผ่านช่องทางอื่นๆ ที่ไม่ใช้เครื่องรูดบัตร เช่น การรับชำระเงินผ่าน Payment Gateway สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ, การชำระเงินผ่าน QR Payment ที่ถูกสร้างขึ้นผ่าน LINE Official Account ซึ่งจะเหมาะกับร้านค้าที่เน้นการรับเงินผ่านคิวอาร์เป็นหลัก ในส่วนของเครื่องรูดบัตร ทาง GHL อยู่ในระหว่างการนำนวัตกรรมใหม่ Digital Sales Slip ผ่านการสแกน QR Code มาใช้ในการออกใบเสร็จ เพื่อลดการใช้งานในรูปแบบกระดาษ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ Digital Transformation ของทางยูโอบี ที่ต้องการให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีส่วนร่วมในการลดการเกิดขยะ ลดการสะสมการตกค้างของสารเคมีสู่สิ่งแวดล้อม  และเป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่ภาคธุรกิจต้องเข้าใจถึงการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน สุดท้ายนี้ คุณปริญญา ย้ำถึงการทำงานในปีนี้ว่า “GHL ยังคงให้ความสำคัญในการพัฒนาต่อยอดเพิ่มเติมรูปแบบการรับชำระเงินใหม่ๆ ทั้งบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และในเครื่องรูดบัตร EDC All-In-One โดยเฉพาะในเครื่องรูดบัตร EDC มีแผนที่จะก้าวเข้าสู่การบริการดิจิทัลเต็มรูปแบบที่มากกว่าแค่การรับชำระเงิน ด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เจ้าของร้านค้า ในการช่วยบริหารจัดการ เช่น การพัฒนารวมเอาระบบขายหน้าร้าน (POS System) และระบบรับชำระเงินไว้ในเครื่องเดียว เพิ่มเติมระบบ CRM ในการสะสมคะแนนและสามารถใช้คะแนนเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการได้ หรือระบบสั่งอาหารผ่านคิวอาร์โค้ดที่เชื่อมต่อกับระบบชำระเงิน ตอกย้ำจุดเด่น เครื่องรูดบัตร EDC All-In-One ที่รวบรวมทั้งระบบช่วยในการขายและรับชำระเงินได้ทุกรูปแบบในเครื่องเดียว ซึ่งคาดการณ์ว่าผลประกอบการ GHL ประเทศไทยจะเติบโตกว่า 100% ในปี 2567 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นับเป็นการเติบโตไปพร้อมกับคู่ค้า พาร์ทเนอร์ และซัพพลายเชนในอีโคซิสเต็ม” Article and photo credits: BrandAge Magazine   Source: https://brandage.com/article/38546

25 Apr 2024

GHL ผู้นำระบบเพย์เมนต์ระดับภูมิภาค จับมือ UOB เสริมแกร่งด้านดิจิทัลเพย์เมนต์

การจับจ่ายที่สะดวกสบายอย่างทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ผ่านเครื่องรูดบัตร EDC ล้วนมีเบื้องหลังสำคัญจากผู้ให้บริการชำระเงิน ซึ่ง “GHL” ถือเป็นผู้นำระบบเพย์เมนต์ระดับภูมิภาคอาเซียน ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย และเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศมาเลเซีย โดยปีนี้นับเป็นการครบรอบ 30 ปีของการก่อตั้ง GHL Group ซึ่งนอกจากมาเลเซียแล้ว ยังขยายธุรกิจในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย และเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยกว่า 17 ปีแล้วคุณปริญญา จินันทุยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจเพย์เมนต์มีการพัฒนาและมีความก้าวหน้าตลอดเวลา ซึ่ง GHL ประเทศไทยได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ ประสบการณ์ เทคโนโลยี และทีมงานผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทแม่ในฐานะผู้นำระบบเพย์เมนต์ระดับภูมิภาค จนเป็นผู้ให้บริการรับชำระเงินทั้งแบบออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซ และการรับชำระผ่านเครื่องรูดบัตร EDC แบบครบวงจร รวมถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายและให้เช่าเครื่องรูดบัตร EDC ให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กรอย่างธนาคารและบริษัทพันธมิตรต่างๆ รวมถึงการพัฒนาโปรแกรมหรือโซลูชันต่างๆ ตามความต้องการของลูกค้าการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งทำให้วันนี้เครื่องรูดบัตร EDC ของ GHL เป็นเครื่องรับชำระเงินแบบ All-In-One ที่รองรับการรับชำระเงินได้หลากหลายรูปแบบที่สุดก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตวีซ่า มาสเตอร์คาร์ด ยูเนี่ยนเพย์ เจซีบี อเมริกันเอ็กซเพรส นอกจากนี้ยังรองรับการชำระเงินในรูปแบบคิวอาร์โค้ดและอีวอลเล็ตต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น พร้อมเพย์ (Thai QR), ทรูมันนี่ วอลเล็ต, ไลน์เพย์, ช้อปปี้เพย์, ลาซาด้าเพย์, อาลีเพย์, อาลีเพย์พลัส เพื่อรองรับการรับชำระเงินจากอีวอลเล็ตของต่างประเทศ เช่น จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยเป็นจำนวนมากเป็นลำดับต้นๆ เพื่อตอบโจทย์ให้กลุ่มธุรกิจร้านค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มโรงแรมและการบริการต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวให้สามารถรองรับดิจิทัลเพย์เมนต์ที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีจุดบริการร้านค้าที่รับบัตรมากกว่า 10,000 ร้านค้าในปีที่ผ่านมา นอกจากการพัฒนาการรับชำระด้วยคิวอาร์และอีวอลเล็ตต่างๆ ให้อยู่บน GHL LINE Official Account สำหรับร้านค้ารายย่อยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องรูดบัตร EDC แล้ว GHL ยังได้สร้างความแตกต่างด้วยการเพิ่มมูลค่าให้กับเครื่องรูดบัตร EDC All-In-One โดยสามารถรองรับการรูดแบบผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิตได้ถึง 6 ธนาคารผู้ออกบัตรไว้ในเครื่องเดียว เพื่อลดความยุ่งยากในการติดต่อและวางเครื่องของแต่ละธนาคารแบบหนึ่งต่อหนึ่ง และยังเป็นปีสำคัญของการจับมือกับพาร์ทเนอร์รายใหญ่อย่างธนาคารยูโอบีเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจภายใต้ ยูโอบี บิซสมาร์ท (UOB BizSmart) ซึ่งเป็นการนำโซลูชันการจัดการธุรกิจต่างๆ ที่ทางธนาคารได้คัดสรรมาจากพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เพื่อนำมาช่วยลดต้นทุน ประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พร้อมปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมไร้เงินสด” คุณสยุมรัตน์ มาระเนตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Head of Business Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารยูโอบีมองหาพาร์ทเนอร์ที่สามารถนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งธุรกิจและผู้บริโภคได้ และเห็นว่า GHL เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการรับชำระเงินในภูมิภาคอาเซียน ที่นำเสนอบริการการรับชำระเงินผ่านเครื่องรูดบัตรแบบ All-In-One ที่มีมาตรฐานในระดับโลก น่าเชื่อถือ และสามารถรองรับการชำระเงินได้อย่างหลากหลายครอบคลุม ทั้งจากบัตรเครดิต บัตรเดบิต คิวอาร์ รวมถึงการชำระจากอีวอลเล็ตชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ และยังมีทีมงานมืออาชีพที่ช่วยดูแลกระบวนการอนุมัติและติดตั้งเครื่องรับบัตร รวมถึงบริการหลังการขายให้กับลูกค้าของยูโอบี ธนาคารจึงมีความมั่นใจในการนำโซลูชันของ GHL มาเป็นหนึ่งในโซลูชันของ UOB BizSmart เพื่อเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถบริหารธุรกิจในยุคดิจิทัลที่มีการแข่งขันสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าหลักที่ธนาคารเข้าไปแนะนำบริการของ GHL ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแบบ B2C (Business-to-Consumer) ที่มีหน้าร้าน และมีการรับชำระเงินสดอยู่เป็นประจำ เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ คลินิกเสริมความงาม สปา ร้านค้าปลีก โรงแรม และร้านค้าตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เป็นต้น เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้เป็นธุรกิจที่มีลูกค้าเป็นทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ  มีความต้องการช่องทางชำระเงินที่หลากหลาย ดังนั้น การมีโซลูชันที่รองรับการชำระเงินที่หลากหลายแบบ All-In-One ในเครื่องเดียวอย่าง GHL จึงช่วยให้ร้านค้าสามารถรองรับรูปแบบการชำระเงินตามที่ลูกค้าต้องการ ไม่เสียโอกาสในการขายสินค้า รวมถึงช่วยลดการรับเงินสดที่มีต้นทุนในการบริหารจัดการและความเสี่ยงที่สูงกว่า ยกระดับภาพลักษณ์และการสร้างความเชื่อมั่นกับร้านค้าที่ได้รับเครื่องผ่านการพิจารณาจากทางธนาคาร “ผู้ประกอบการเจ้าของร้านที่ได้รับการติดตั้งเครื่องรูดบัตรของ GHL มีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อำนวยความสะดวกในการรับชำระเงินให้แก่ลูกค้าที่เข้ารับบริการ และปรับปรุงการทำงานของระบบหลังบ้าน ทำให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบยอดรายรับได้สะดวก ลดการผิดพลาดในการชำระค่าบริการและมีความปลอดภัย” คุณสยุมรัตน์ กล่าว จากผลตอบรับที่ดีดังกล่าว แน่นอนว่าทั้ง GHL และธนาคารยูโอบี ยังคงเดินหน้าร่วมมือกันสนับสนุนผู้ประกอบการในมิติต่างๆ ต่อไปในอนาคต โดยนอกเหนือจากให้บริการรับชำระเงินผ่านเครื่องรูดบัตรแล้ว ทางธนาคารยังมีแผนที่จะนำโซลูชันการรับชำระเงินผ่านช่องทางอื่นๆ ที่ไม่ใช้เครื่องรูดบัตร เช่น การรับชำระเงินผ่าน Payment Gateway สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ, การชำระเงินผ่าน QR Payment ที่ถูกสร้างขึ้นผ่าน LINE Official Account ซึ่งจะเหมาะกับร้านค้าที่เน้นการรับเงินผ่านคิวอาร์เป็นหลัก ในส่วนของเครื่องรูดบัตร ทาง GHL อยู่ในระหว่างการนำนวัตกรรมใหม่ Digital Sales Slip ผ่านการสแกน QR Code มาใช้ในการออกใบเสร็จ เพื่อลดการใช้งานในรูปแบบกระดาษ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ Digital Transformation ของทางยูโอบี ที่ต้องการให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีส่วนร่วมในการลดการเกิดขยะ ลดการสะสมการตกค้างของสารเคมีสู่สิ่งแวดล้อม  และเป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่ภาคธุรกิจต้องเข้าใจถึงการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน สุดท้ายนี้ คุณปริญญา ย้ำถึงการทำงานในปีนี้ว่า “GHL ยังคงให้ความสำคัญในการพัฒนาต่อยอดเพิ่มเติมรูปแบบการรับชำระเงินใหม่ๆ ทั้งบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และในเครื่องรูดบัตร EDC All-In-One โดยเฉพาะในเครื่องรูดบัตร EDC มีแผนที่จะก้าวเข้าสู่การบริการดิจิทัลเต็มรูปแบบที่มากกว่าแค่การรับชำระเงิน ด้วยการเพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เจ้าของร้านค้า ในการช่วยบริหารจัดการ เช่น การพัฒนารวมเอาระบบขายหน้าร้าน (POS System) และระบบรับชำระเงินไว้ในเครื่องเดียว เพิ่มเติมระบบ CRM ในการสะสมคะแนนและสามารถใช้คะแนนเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการได้ หรือระบบสั่งอาหารผ่านคิวอาร์โค้ดที่เชื่อมต่อกับระบบชำระเงิน ตอกย้ำจุดเด่น เครื่องรูดบัตร EDC All-In-One ที่รวบรวมทั้งระบบช่วยในการขายและรับชำระเงินได้ทุกรูปแบบในเครื่องเดียว ซึ่งคาดการณ์ว่าผลประกอบการ GHL ประเทศไทยจะเติบโตกว่า 100% ในปี 2567 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นับเป็นการเติบโตไปพร้อมกับคู่ค้า พาร์ทเนอร์ และซัพพลายเชนในอีโคซิสเต็ม” Article and photo credits: BrandAge Magazine   Source: https://brandage.com/article/38546

20 Feb 2024

เตือนภัย!! โปรดระวัง มิจฉาชีพเสนอสินเชื่อ โดยแอบอ้างชื่อบริษัท จีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด

ขณะนี้ ได้มีมิจฉาชีพกลุ่มหนึ่งแอบอ้างชื่อ บริษัท จีเอชแอล (ประเทศไทย)  จำกัด หลอกลวงประชาชน โดยการเสนอสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น LINE หรือช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ บริษัทฯ ขอเรียนย้ำว่า บริษัทฯ ไม่มีนโยบายในการเสนอสินเชื่อผ่าน LINE หรือช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ  นอกจากนี้ บริษัทฯ ไม่มีการเรียกเก็บเงินล่วงหน้า หรือขอให้โอนเงินเพื่อเป็นการขอสมัครหรือขออนุมัติสินเชื่อใดๆทั้งสิ้น การกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและชื่อเสียงของบริษัทฯเป็นอย่างมาก เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา และขณะนี้ บริษัทฯ กำลังดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่แอบอ้างชื่อบริษัทฯ รวมถึงการใช้โลโก้บริษัทฯ และอื่นๆ เพื่อหลอกลวงประชาชน หากประชาชนท่านใดได้รับการติดต่อจากบุคคลที่อ้างว่าเป็นพนักงานของบริษัท  จีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด โปรดติดต่อฝ่ายดูแลลูกค้าของเราเพื่อตรวจสอบได้ที่ 02-440-0122 หรือ 02-440-0111 (ต่อ 617) หรือสายด่วน HOTLINE ที่ 064-070-7655 หรือท่านสามารถส่งอีเมลมาที่ growth@ghl.com เพื่อแจ้งเหตุที่น่าสงสัยว่าจะเป็นการหลอกลวงของกลุ่มมิจฉาชีพ  

20 Feb 2024

เตือนภัย!! โปรดระวัง มิจฉาชีพเสนอสินเชื่อ โดยแอบอ้างชื่อบริษัท จีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด

ขณะนี้ ได้มีมิจฉาชีพกลุ่มหนึ่งแอบอ้างชื่อ บริษัท จีเอชแอล (ประเทศไทย)  จำกัด หลอกลวงประชาชน โดยการเสนอสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น LINE หรือช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ บริษัทฯ ขอเรียนย้ำว่า บริษัทฯ ไม่มีนโยบายในการเสนอสินเชื่อผ่าน LINE หรือช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ  นอกจากนี้ บริษัทฯ ไม่มีการเรียกเก็บเงินล่วงหน้า หรือขอให้โอนเงินเพื่อเป็นการขอสมัครหรือขออนุมัติสินเชื่อใดๆทั้งสิ้น การกระทำของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ เป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและชื่อเสียงของบริษัทฯเป็นอย่างมาก เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา และขณะนี้ บริษัทฯ กำลังดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่แอบอ้างชื่อบริษัทฯ รวมถึงการใช้โลโก้บริษัทฯ และอื่นๆ เพื่อหลอกลวงประชาชน หากประชาชนท่านใดได้รับการติดต่อจากบุคคลที่อ้างว่าเป็นพนักงานของบริษัท  จีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด โปรดติดต่อฝ่ายดูแลลูกค้าของเราเพื่อตรวจสอบได้ที่ 02-440-0122 หรือ 02-440-0111 (ต่อ 617) หรือสายด่วน HOTLINE ที่ 064-070-7655 หรือท่านสามารถส่งอีเมลมาที่ growth@ghl.com เพื่อแจ้งเหตุที่น่าสงสัยว่าจะเป็นการหลอกลวงของกลุ่มมิจฉาชีพ  

19 Oct 2023

ผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล Pay Solutions จับมือ GHL Thailand ชูนวัตกรรม กระตุ้นการใช้จ่ายเปิดตัวบริการ Multi Bank Installment แบ่งจ่าย 0% ผ่านบัตร 6 ธนาคารบนเครื่องรูดบัตรเดียว

เพย์ โซลูชั่น ผู้ให้บริการระบบชำระเงินออนไลน์แห่งแรกของประเทศไทย เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่ง จับมือพันธมิตร จีเอชแอล ประเทศไทย ผู้นำในการให้บริการรับชำระเงินผ่านเครื่องรูดบัตร ชูนวัตกรรมผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล ประกาศเปิดตัวบริการใหม่ แบ่งชำระ 0% ให้ผู้ถือบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดในไทยจาก 6 ธนาคารหลักผ่านเครื่องรูดบัตร All-in-One เพียงเครื่องเดียว ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้ร้านค้าทั่วประเทศ นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพย์ โซลูชั่น จำกัด ผู้ให้บริการระบบรับชำระเงินออนไลน์เปิดเผยว่า จากฐานข้อมูลของเพย์โซลูชั่น พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคนับจากสถานการณ์โควิด-19 นั้น มีการชะลอการซื้อสินค้าเเละนิยมการจ่ายเงินแบบผ่อนชำระได้จะเห็นได้จากสัดส่วนที่เติบโตมากขึ้นถึง 84% อย่างไรก็ตามสำหรับร้านค้าในการรับการเปิดระบบผ่อนชำระบัตรเครดิตต้องดำเนินการทีละธนาคาร  ซึ่งสิ้นเปลืองการนำเข้าเครื่องรูดบัตรต่างประเทศมาเป็นจำนวนมาก   ตั้งเเต่เมื่อต้นปี 2566 เป็นต้นมา พฤติกรรมของผู้บริโภคได้เริ่มปรับคืนสู่วิถีออฟไลน์ คนไทยเริ่มออกไปจับจ่ายซื้อของด้วยตนเองตามหน้าร้านค้าต่างๆ เนื่องด้วยสภาวะแวดล้อมมีความผ่อนคลาย รวมทั้งมีการเปิดประเทศส่งผลให้ปริมาณนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เเละผู้บริโภคมีพฤติ กรรมในการใช้บัตรเครดิตแทนเงินสดเป็นส่วนใหญ่ จะเห็นได้จากข้อมูลการชำระเงินด้วยบัตรอิเล็กทรอ นิกส์ผ่านเครื่องรูดบัตร (EDC) ที่ร้านค้า ในปี 2565 นั้น มีสัดส่วนปริมาณ Offline 73.6% Online 26.4% จำนวนการใช้บัตรพลาสติกเพื่อการชำระเงิน ณ จุดขายมี 53,323,000 รายการ มูลค่า 139,000,000 ล้านบาท เเละในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 คิดเป็น Offline 79.6% Online 20.4% จำนวนการใช้บัตรมี 56,118,000 รายการ มูลค่า 151,000,000 บาท   ซึ่งเพย์โซลูชั่นนั้นเป็นผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบชำระเงินออนไลน์ เชื่อมต่อได้ทั้งหน้าเว็บไซต์แอปพลิเคชั่น เเละโซเชียลมีเดีย ครอบคลุมการรับชำระเงินทุกช่องทางแบบ Omni Channel จึงได้ร่วมมือกับบริษัท จีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด นำนวัตกรรมบริการผ่อนชำระช่องทางออนไลน์มาให้บริการผ่านเครื่อง EDC All-in-One ของจีเอชแอล ซึ่งรองรับได้ถึง 6 ธนาคารหลัก จำนวน 9 บัตรเครดิต ได้แก่ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต กรุงไทย คาร์ดเอกซ์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เทสโกมันนี่ กรุงศรีเซ็นทรัลเดอะวัน เเละกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ซึ่งการที่ลูกค้ามีทางเลือกในการจ่ายเงินที่ตอบสนองความต้องการ ก็จะเพิ่มการตัดสินใจซื้อได้ดีกว่า เป็นโอกาสช่วยเพิ่มรายได้ให้ร้านค้าทั่วประเทศ   โดยกลุ่มประเภทสินค้าที่คาดว่าจะได้รับความนิยม ได้แก่ คลีนิคและสถานเสริมความงาม สินค้าไอที อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน โรงแรมและที่พัก ร้านอาหาร เเละสินค้าแบรนด์เนม เป็นต้น ซึ่งเป้าหมายความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงเครื่องรูดบัตรได้ดีขึ้น ลดความยุ่งยาก ประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่ายค่าเครื่อง ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต   ด้าน นายปริญญา จินันทุยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว ว่า “GHL เป็นผู้นำในการให้บริการรับชำระเงินในภูมิภาคอาเซียน ได้เปิดดำเนินการธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 15 ปี โดยให้บริการผ่านเครื่อง EDC แบบครบวงจร คือให้บริการรับชำระเงินทุกรูปแบบทั้งบัตรเดบิต/เครดิต, QR พร้อมเพย์ และ e-wallets ทั้งในและต่างประเทศไว้ใน EDC All-in-One เพียงเครื่องเดียว ในปัจจุบันมีจุดให้บริการรวมกว่า 15,000 จุด อาทิ กลุ่มร้านค้าปลีก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มโรงแรมและการบริการต่างๆทั่วประเทศ และเพื่อเป็นการยกระดับเครื่อง EDC All-in-One จึงได้ร่วมมือกับ Pay Solutions ในการพัฒนาการบริการ Multi-Bank Installment เพื่อตอบโจทย์ร้านค้าในการรับผ่อนชำระได้มากยิ่งขึ้น จากเดิมที่ต้องสมัครขอใช้บริการกับแต่ละธนาคารโดยตรงหนึ่งต่อหนึ่ง ซึ่งมีขั้นตอนและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน  ต้องวาง EDC หลายเครื่อง และแต่ละเครื่องก็ใช้งานต่างกัน  แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย EDC All-in-One ของ GHL เพียงเครื่องเดียว ที่สามารถให้แบ่งจ่าย 0% ด้วยบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดของธนาคารหลักในประเทศไทยได้ถึง 6 ธนาคาร และในอนาคตจะมีการพัฒนาเพื่อรองรับบัตรของธนาคารอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านค้านอกจากการรับชำระเงินแบบเต็มจำนวน  ประหยัดเวลาดำเนินการ ประหยัดพื้นที่ในการวางเครื่อง และตรวจสอบรายการได้ง่าย ปัจจุบันได้เริ่มให้บริการที่กลุ่มร้านค้า อาทิ วินเซนต์คลีนิค, โฮมพลัส เฟอร์นิเจอร์ มอลล์, และศูนย์จำหน่ายสินค้าแม่และเด็กมัมแอนด์มีสโตร์ เป็นต้น และคาดว่าจะขยายการให้บริการมากกว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้   ขณะที่ นพ.พงษ์ธีระ เศรษฐ์ธนาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วินเซนต์คลินิก ศูนย์ศัลยกรรมความงามและดูแลผิวหนังครบวงจร เปิดให้บริการ 7 สาขาทั่วประเทศไทย ซึ่งเป็นร้านค้าผู้ใช้งานเครื่องรูดบัตร EDC All-in-One นั้นได้เผยว่า “วิสัยทัศน์ของบริษัทฯ คือ Innovation VINCENT ซึ่งได้มีการนำเทคโนโลยีด้านศัลยกรรมใหม่ๆ มาให้บริการลูกค้า นอกจากนั้นก็ยังได้นำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารงานเเละดำเนินธุรกิจ ตอกย้ำการก้าวสู่คลินิกศัลยกรรมอันดับ 1 ในด้านนวัตกรรมอย่างเเท้จริง สอดคล้องกับ พญ.ปราณปริยา อึ้งตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ที่ได้กล่าวเสริมถึงบริการผ่อนชำระแบบ Multi-Bank Installment ด้วยบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดผ่านเครื่อง EDC ว่าการมีตัวช่วยทางการเงิน การให้ทางเลือกชำระเงินที่มีความยืดหยุ่น จะเป็นการสนับสนุนให้ลูกค้าได้ดูเเลตัวเองตามที่ต้องการ โดยเชื่อมั่นว่าภาพลักษณ์เเละบุคลิกภาพที่ดีจะช่วยเสริมความมั่นใจ เสริมดวงชะตาตามหลักความเชื่อ เเละส่งเสริมการใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น   โดยผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.paysolutions.asia หรือติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ www.facebook.com/paysolutionsdotasia โทรศัพท์ 0 2821 6163, 081 145 5996, 081 752 8722ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

19 Oct 2023

ผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล Pay Solutions จับมือ GHL Thailand ชูนวัตกรรม กระตุ้นการใช้จ่ายเปิดตัวบริการ Multi Bank Installment แบ่งจ่าย 0% ผ่านบัตร 6 ธนาคารบนเครื่องรูดบัตรเดียว

เพย์ โซลูชั่น ผู้ให้บริการระบบชำระเงินออนไลน์แห่งแรกของประเทศไทย เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่ง จับมือพันธมิตร จีเอชแอล ประเทศไทย ผู้นำในการให้บริการรับชำระเงินผ่านเครื่องรูดบัตร ชูนวัตกรรมผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล ประกาศเปิดตัวบริการใหม่ แบ่งชำระ 0% ให้ผู้ถือบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดในไทยจาก 6 ธนาคารหลักผ่านเครื่องรูดบัตร All-in-One เพียงเครื่องเดียว ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ให้ร้านค้าทั่วประเทศ นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพย์ โซลูชั่น จำกัด ผู้ให้บริการระบบรับชำระเงินออนไลน์เปิดเผยว่า จากฐานข้อมูลของเพย์โซลูชั่น พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคนับจากสถานการณ์โควิด-19 นั้น มีการชะลอการซื้อสินค้าเเละนิยมการจ่ายเงินแบบผ่อนชำระได้จะเห็นได้จากสัดส่วนที่เติบโตมากขึ้นถึง 84% อย่างไรก็ตามสำหรับร้านค้าในการรับการเปิดระบบผ่อนชำระบัตรเครดิตต้องดำเนินการทีละธนาคาร  ซึ่งสิ้นเปลืองการนำเข้าเครื่องรูดบัตรต่างประเทศมาเป็นจำนวนมาก   ตั้งเเต่เมื่อต้นปี 2566 เป็นต้นมา พฤติกรรมของผู้บริโภคได้เริ่มปรับคืนสู่วิถีออฟไลน์ คนไทยเริ่มออกไปจับจ่ายซื้อของด้วยตนเองตามหน้าร้านค้าต่างๆ เนื่องด้วยสภาวะแวดล้อมมีความผ่อนคลาย รวมทั้งมีการเปิดประเทศส่งผลให้ปริมาณนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เเละผู้บริโภคมีพฤติ กรรมในการใช้บัตรเครดิตแทนเงินสดเป็นส่วนใหญ่ จะเห็นได้จากข้อมูลการชำระเงินด้วยบัตรอิเล็กทรอ นิกส์ผ่านเครื่องรูดบัตร (EDC) ที่ร้านค้า ในปี 2565 นั้น มีสัดส่วนปริมาณ Offline 73.6% Online 26.4% จำนวนการใช้บัตรพลาสติกเพื่อการชำระเงิน ณ จุดขายมี 53,323,000 รายการ มูลค่า 139,000,000 ล้านบาท เเละในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 คิดเป็น Offline 79.6% Online 20.4% จำนวนการใช้บัตรมี 56,118,000 รายการ มูลค่า 151,000,000 บาท   ซึ่งเพย์โซลูชั่นนั้นเป็นผู้ให้บริการที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบชำระเงินออนไลน์ เชื่อมต่อได้ทั้งหน้าเว็บไซต์แอปพลิเคชั่น เเละโซเชียลมีเดีย ครอบคลุมการรับชำระเงินทุกช่องทางแบบ Omni Channel จึงได้ร่วมมือกับบริษัท จีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด นำนวัตกรรมบริการผ่อนชำระช่องทางออนไลน์มาให้บริการผ่านเครื่อง EDC All-in-One ของจีเอชแอล ซึ่งรองรับได้ถึง 6 ธนาคารหลัก จำนวน 9 บัตรเครดิต ได้แก่ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต กรุงไทย คาร์ดเอกซ์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เทสโกมันนี่ กรุงศรีเซ็นทรัลเดอะวัน เเละกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ซึ่งการที่ลูกค้ามีทางเลือกในการจ่ายเงินที่ตอบสนองความต้องการ ก็จะเพิ่มการตัดสินใจซื้อได้ดีกว่า เป็นโอกาสช่วยเพิ่มรายได้ให้ร้านค้าทั่วประเทศ   โดยกลุ่มประเภทสินค้าที่คาดว่าจะได้รับความนิยม ได้แก่ คลีนิคและสถานเสริมความงาม สินค้าไอที อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน โรงแรมและที่พัก ร้านอาหาร เเละสินค้าแบรนด์เนม เป็นต้น ซึ่งเป้าหมายความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงเครื่องรูดบัตรได้ดีขึ้น ลดความยุ่งยาก ประหยัดเวลา ลดค่าใช้จ่ายค่าเครื่อง ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต   ด้าน นายปริญญา จินันทุยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว ว่า “GHL เป็นผู้นำในการให้บริการรับชำระเงินในภูมิภาคอาเซียน ได้เปิดดำเนินการธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 15 ปี โดยให้บริการผ่านเครื่อง EDC แบบครบวงจร คือให้บริการรับชำระเงินทุกรูปแบบทั้งบัตรเดบิต/เครดิต, QR พร้อมเพย์ และ e-wallets ทั้งในและต่างประเทศไว้ใน EDC All-in-One เพียงเครื่องเดียว ในปัจจุบันมีจุดให้บริการรวมกว่า 15,000 จุด อาทิ กลุ่มร้านค้าปลีก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มโรงแรมและการบริการต่างๆทั่วประเทศ และเพื่อเป็นการยกระดับเครื่อง EDC All-in-One จึงได้ร่วมมือกับ Pay Solutions ในการพัฒนาการบริการ Multi-Bank Installment เพื่อตอบโจทย์ร้านค้าในการรับผ่อนชำระได้มากยิ่งขึ้น จากเดิมที่ต้องสมัครขอใช้บริการกับแต่ละธนาคารโดยตรงหนึ่งต่อหนึ่ง ซึ่งมีขั้นตอนและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน  ต้องวาง EDC หลายเครื่อง และแต่ละเครื่องก็ใช้งานต่างกัน  แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปด้วย EDC All-in-One ของ GHL เพียงเครื่องเดียว ที่สามารถให้แบ่งจ่าย 0% ด้วยบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดของธนาคารหลักในประเทศไทยได้ถึง 6 ธนาคาร และในอนาคตจะมีการพัฒนาเพื่อรองรับบัตรของธนาคารอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ที่ช่วยเพิ่มยอดขายให้ร้านค้านอกจากการรับชำระเงินแบบเต็มจำนวน  ประหยัดเวลาดำเนินการ ประหยัดพื้นที่ในการวางเครื่อง และตรวจสอบรายการได้ง่าย ปัจจุบันได้เริ่มให้บริการที่กลุ่มร้านค้า อาทิ วินเซนต์คลีนิค, โฮมพลัส เฟอร์นิเจอร์ มอลล์, และศูนย์จำหน่ายสินค้าแม่และเด็กมัมแอนด์มีสโตร์ เป็นต้น และคาดว่าจะขยายการให้บริการมากกว่า 5,000 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปีนี้   ขณะที่ นพ.พงษ์ธีระ เศรษฐ์ธนาวรากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วินเซนต์คลินิก ศูนย์ศัลยกรรมความงามและดูแลผิวหนังครบวงจร เปิดให้บริการ 7 สาขาทั่วประเทศไทย ซึ่งเป็นร้านค้าผู้ใช้งานเครื่องรูดบัตร EDC All-in-One นั้นได้เผยว่า “วิสัยทัศน์ของบริษัทฯ คือ Innovation VINCENT ซึ่งได้มีการนำเทคโนโลยีด้านศัลยกรรมใหม่ๆ มาให้บริการลูกค้า นอกจากนั้นก็ยังได้นำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารงานเเละดำเนินธุรกิจ ตอกย้ำการก้าวสู่คลินิกศัลยกรรมอันดับ 1 ในด้านนวัตกรรมอย่างเเท้จริง สอดคล้องกับ พญ.ปราณปริยา อึ้งตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ที่ได้กล่าวเสริมถึงบริการผ่อนชำระแบบ Multi-Bank Installment ด้วยบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดผ่านเครื่อง EDC ว่าการมีตัวช่วยทางการเงิน การให้ทางเลือกชำระเงินที่มีความยืดหยุ่น จะเป็นการสนับสนุนให้ลูกค้าได้ดูเเลตัวเองตามที่ต้องการ โดยเชื่อมั่นว่าภาพลักษณ์เเละบุคลิกภาพที่ดีจะช่วยเสริมความมั่นใจ เสริมดวงชะตาตามหลักความเชื่อ เเละส่งเสริมการใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น   โดยผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.paysolutions.asia หรือติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ www.facebook.com/paysolutionsdotasia โทรศัพท์ 0 2821 6163, 081 145 5996, 081 752 8722ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

20 Jun 2023

จีเอชแอล จับมือ อาลีเพย์พลัส (Alipay+) ให้บริการรับชำระเงินดิจิทัลสำหรับนักท่องเที่ยวในเอเชีย ผ่านร้านค้าในไทยกว่า 2,600 ราย

ประเด็นสำคัญ: จีเอชแอล ให้บริการ Alipay+ สำหรับ 2,600 ร้านค้าท้องถิ่นในประเทศไทย โดยร้านค้าสามารถรับชำระเงินดิจิทัลข้ามพรมแดนจากโมบายวอลเล็ตชั้นนำของเอเชียได้แล้ว ผู้ประกอบการธุรกิจในประเทศไทยในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตั้งแต่การค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ไปจนถึงการบริการต้อนรับ และสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศจะได้รับประโยชน์จากการให้บริการนี้ จิม ทอมป์สัน และพรีเมี่ยมเอาท์เล็ทต่างๆ จะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือแบบพันธมิตรในครั้งนี้ กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – จีเอชแอล ซิสเต็ม เบอร์ฮาด (จีเอชแอล) เป็นบริษัทชั้นนำด้านการให้บริการการชำระเงินระดับภูมิภาคอาเซียน เปิดให้บริการรับชำระเงินด้วยอาลีเพย์พลัส (Alipay+) สำหรับร้านค้าท้องถิ่นมากกว่า 2,600 รายในประเทศไทย เพื่อรองรับการชำระเงินดิจิทัลข้ามพรมแดนจากโมบายวอลเล็ตชั้นนำต่าง ๆ ของเอเซีย ได้แก่ AlipayHK (เขตบริหารพิเศษฮ่องกง), Kakao Pay (เกาหลีใต้), และ Touch ‘n Go eWallet (มาเลเซีย) เพิ่มเติมนอกเหนือจาก Alipay (จีนแผ่นดินใหญ่) ที่ร้านค้าสามารถรับชำระมาแล้วตั้งแต่ปี 2558   ปัจจุบันนี้ นักท่องเที่ยวจากประเทศต่าง ๆ ที่มาเยือนเมืองไทย สามารถชำระเงินด้วยโมบายวอลเล็ตจากประเทศตนเองกับร้านค้ารีเทลได้มากกว่า 5,000 ร้าน โดยใช้เทคโนโลยีจาก GHL ซึ่งเป็นพันธมิตรของอาลีเพย์พลัส (Alipay+) แพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลและการตลาดข้ามพรมแดนระดับโลกของแอนท์กรุ๊ป โดยธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่จะได้รับประโยชน์ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก, ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ไปจนถึงธุรกิจบริการและสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศ ตามประกาศของรัฐบาลในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566  มีนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆเข้ามาในประเทศไทยมากถึง 6.15 ล้านคน ซึ่งเกินเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดการณ์ไว้  การกลับมาอีกครั้งของนักท่องเที่ยวนี้ พวกเขามีความคาดหวังมากขึ้นเกี่ยวกับประสบการณ์การเดินทางและการใช้จ่ายตามร้านค้าปลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนักท่องเที่ยวจำนวนมากคุ้นเคยกับประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นผ่านโมบายวอลเล็ตของประเทศตนเอง นายปริญญา จินันทุยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากการเป็นพันธมิตรที่ยาวนานของ GHL และ Alipay นำมาสู่ความร่วมมือครั้งล่าสุดกับอาลีเพย์พลัส (Alipay+) ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ร้านค้าท้องถิ่นสามารถขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย โดยการรับชำระเงินด้วยวิธีที่ลูกค้าคุ้นเคยและสะดวก ความร่วมมือนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของประเทศไทยที่ต้องการผลักดัน “เศรษฐกิจแบบไร้เงินสด” (Cashless Economy) ส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงินและช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ เมื่อปริมาณธุรกรรมดิจิทัลเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบบเศรษฐกิจจะได้รับประโยชน์จากความโปร่งใส ความมีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยซึ่งส่งผลเชิงบวกกับหลายภาคส่วนและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม”  จิม ทอมป์สัน บริษัทผู้ผลิตผ้าไหมที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยเป็นหนึ่งในแบรนด์ธุรกิจท้องถิ่นรายแรก ๆ ที่ให้บริการนี้ และเป็นตัวอย่างความสำเร็จของธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากความร่วมมือนี้ ด้วยการเป็นต้นกำเนิดของศิลปะจากการทำผ้าไหมที่ยอดเยี่ยม ปัจจุบัน จิม ทอมป์สัน เป็นไอคอนิกแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกจากประเทศไทยที่มีชื่อเสียงด้วยผลิตภัณฑ์ผ้าไหมที่สวยงาม และมีผลิตภัณฑ์และบริการที่มากกว่าผ้าไหม (Beyond Silk) ทำให้จิม ทอมป์สัน เป็นแบรนด์ที่เป็นที่รักของทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ คุณนันท์นภัส เวโรจนวัฒน์ ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาด จิม ทอมป์สัน กล่าวว่า “ด้วยการบริการรับชำระเงินดิจิทัลข้ามพรมแดน ปัจจุบัน จิม ทอมป์สันให้บริการรับชำระเงินดิจิทัลที่คุ้นเคยและสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งของพวกเขา นักท่องเที่ยวจากจีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และมาเลเซีย ซึ่งคุ้นเคยกับการใช้โมบายวอลเล็ตในการชำระเงิน สามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่นและไม่ยุ่งยากอีกต่อไป โดยช่วยเสริมสร้างความพึงพอใจ และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าในระยะยาวอีกด้วย” ดร.เชอรี่ ฮวง ผู้จัดการทั่วไปของอาลีเพย์พลัส (Alipay+) ส่วนบริการการค้าออฟไลน์ แอนท์กรุ๊ป กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “พฤติกรรมนักท่องเที่ยวในปัจจุบันไม่เหมือนกับนักท่องเที่ยวในช่วงก่อนการแพร่ระบาด โดยนักท่องเที่ยวในปัจจุบันจำนวนมากคุ้นเคยกับไลฟ์สไตล์แบบดิจิทัลไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็ตาม ความร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศไทยอย่าง GHL ทำให้ธุรกิจร้านค้าในประเทศไทยจำนวนมากสามารถรับการชำระเงินแบบดิจิทัล อย่างอีวอลเล็ตได้ นับเป็นวิธีการชำระเงินที่ผู้บริโภคชาวเอเชียนิยมใช้ ช่วยให้ประสบการณ์การชำระเงินสะดวก และไม่ยุ่งยากอีกต่อไป”   นักท่องเที่ยวจะสามารถเพลิดเพลินกับการจับจ่ายใช้สอยและความบันเทิงในประเทศไทยได้โดยไม่มีข้อจำกัด โดยพวกเขาสามารถใช้โมบายวอลเล็ตที่ใช้เป็นประจำในประเทศตนเองได้ ตามแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยม เช่น พรีเมี่ยมเอาท์เล็ททั้ง 6 แห่ง ที่ชะอำ เขาใหญ่ พัทยา อยุธยา ภูเก็ต และกระบี่

20 Jun 2023

จีเอชแอล จับมือ อาลีเพย์พลัส (Alipay+) ให้บริการรับชำระเงินดิจิทัลสำหรับนักท่องเที่ยวในเอเชีย ผ่านร้านค้าในไทยกว่า 2,600 ราย

ประเด็นสำคัญ: จีเอชแอล ให้บริการ Alipay+ สำหรับ 2,600 ร้านค้าท้องถิ่นในประเทศไทย โดยร้านค้าสามารถรับชำระเงินดิจิทัลข้ามพรมแดนจากโมบายวอลเล็ตชั้นนำของเอเชียได้แล้ว ผู้ประกอบการธุรกิจในประเทศไทยในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตั้งแต่การค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ไปจนถึงการบริการต้อนรับ และสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศจะได้รับประโยชน์จากการให้บริการนี้ จิม ทอมป์สัน และพรีเมี่ยมเอาท์เล็ทต่างๆ จะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือแบบพันธมิตรในครั้งนี้ กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – จีเอชแอล ซิสเต็ม เบอร์ฮาด (จีเอชแอล) เป็นบริษัทชั้นนำด้านการให้บริการการชำระเงินระดับภูมิภาคอาเซียน เปิดให้บริการรับชำระเงินด้วยอาลีเพย์พลัส (Alipay+) สำหรับร้านค้าท้องถิ่นมากกว่า 2,600 รายในประเทศไทย เพื่อรองรับการชำระเงินดิจิทัลข้ามพรมแดนจากโมบายวอลเล็ตชั้นนำต่าง ๆ ของเอเซีย ได้แก่ AlipayHK (เขตบริหารพิเศษฮ่องกง), Kakao Pay (เกาหลีใต้), และ Touch ‘n Go eWallet (มาเลเซีย) เพิ่มเติมนอกเหนือจาก Alipay (จีนแผ่นดินใหญ่) ที่ร้านค้าสามารถรับชำระมาแล้วตั้งแต่ปี 2558   ปัจจุบันนี้ นักท่องเที่ยวจากประเทศต่าง ๆ ที่มาเยือนเมืองไทย สามารถชำระเงินด้วยโมบายวอลเล็ตจากประเทศตนเองกับร้านค้ารีเทลได้มากกว่า 5,000 ร้าน โดยใช้เทคโนโลยีจาก GHL ซึ่งเป็นพันธมิตรของอาลีเพย์พลัส (Alipay+) แพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลและการตลาดข้ามพรมแดนระดับโลกของแอนท์กรุ๊ป โดยธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่จะได้รับประโยชน์ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก, ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ไปจนถึงธุรกิจบริการและสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศ ตามประกาศของรัฐบาลในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566  มีนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆเข้ามาในประเทศไทยมากถึง 6.15 ล้านคน ซึ่งเกินเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดการณ์ไว้  การกลับมาอีกครั้งของนักท่องเที่ยวนี้ พวกเขามีความคาดหวังมากขึ้นเกี่ยวกับประสบการณ์การเดินทางและการใช้จ่ายตามร้านค้าปลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนักท่องเที่ยวจำนวนมากคุ้นเคยกับประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นผ่านโมบายวอลเล็ตของประเทศตนเอง นายปริญญา จินันทุยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอชแอล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากการเป็นพันธมิตรที่ยาวนานของ GHL และ Alipay นำมาสู่ความร่วมมือครั้งล่าสุดกับอาลีเพย์พลัส (Alipay+) ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ร้านค้าท้องถิ่นสามารถขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย โดยการรับชำระเงินด้วยวิธีที่ลูกค้าคุ้นเคยและสะดวก ความร่วมมือนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของประเทศไทยที่ต้องการผลักดัน “เศรษฐกิจแบบไร้เงินสด” (Cashless Economy) ส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงินและช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ เมื่อปริมาณธุรกรรมดิจิทัลเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบบเศรษฐกิจจะได้รับประโยชน์จากความโปร่งใส ความมีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยซึ่งส่งผลเชิงบวกกับหลายภาคส่วนและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม”  จิม ทอมป์สัน บริษัทผู้ผลิตผ้าไหมที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยเป็นหนึ่งในแบรนด์ธุรกิจท้องถิ่นรายแรก ๆ ที่ให้บริการนี้ และเป็นตัวอย่างความสำเร็จของธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากความร่วมมือนี้ ด้วยการเป็นต้นกำเนิดของศิลปะจากการทำผ้าไหมที่ยอดเยี่ยม ปัจจุบัน จิม ทอมป์สัน เป็นไอคอนิกแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกจากประเทศไทยที่มีชื่อเสียงด้วยผลิตภัณฑ์ผ้าไหมที่สวยงาม และมีผลิตภัณฑ์และบริการที่มากกว่าผ้าไหม (Beyond Silk) ทำให้จิม ทอมป์สัน เป็นแบรนด์ที่เป็นที่รักของทั้งลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ คุณนันท์นภัส เวโรจนวัฒน์ ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาด จิม ทอมป์สัน กล่าวว่า “ด้วยการบริการรับชำระเงินดิจิทัลข้ามพรมแดน ปัจจุบัน จิม ทอมป์สันให้บริการรับชำระเงินดิจิทัลที่คุ้นเคยและสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งของพวกเขา นักท่องเที่ยวจากจีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และมาเลเซีย ซึ่งคุ้นเคยกับการใช้โมบายวอลเล็ตในการชำระเงิน สามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ราบรื่นและไม่ยุ่งยากอีกต่อไป โดยช่วยเสริมสร้างความพึงพอใจ และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าในระยะยาวอีกด้วย” ดร.เชอรี่ ฮวง ผู้จัดการทั่วไปของอาลีเพย์พลัส (Alipay+) ส่วนบริการการค้าออฟไลน์ แอนท์กรุ๊ป กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “พฤติกรรมนักท่องเที่ยวในปัจจุบันไม่เหมือนกับนักท่องเที่ยวในช่วงก่อนการแพร่ระบาด โดยนักท่องเที่ยวในปัจจุบันจำนวนมากคุ้นเคยกับไลฟ์สไตล์แบบดิจิทัลไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็ตาม ความร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศไทยอย่าง GHL ทำให้ธุรกิจร้านค้าในประเทศไทยจำนวนมากสามารถรับการชำระเงินแบบดิจิทัล อย่างอีวอลเล็ตได้ นับเป็นวิธีการชำระเงินที่ผู้บริโภคชาวเอเชียนิยมใช้ ช่วยให้ประสบการณ์การชำระเงินสะดวก และไม่ยุ่งยากอีกต่อไป”   นักท่องเที่ยวจะสามารถเพลิดเพลินกับการจับจ่ายใช้สอยและความบันเทิงในประเทศไทยได้โดยไม่มีข้อจำกัด โดยพวกเขาสามารถใช้โมบายวอลเล็ตที่ใช้เป็นประจำในประเทศตนเองได้ ตามแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยม เช่น พรีเมี่ยมเอาท์เล็ททั้ง 6 แห่ง ที่ชะอำ เขาใหญ่ พัทยา อยุธยา ภูเก็ต และกระบี่